ผลสำรวจจากเว็บไซต์ www.gsmn.com.cn ระบุว่า การขยายตัวของผลผลิตอ้อยในเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง ซึ่งเป็นพื้นที่เพาะปลูกที่ใหญ่ที่สุดในจีนนั้น ชะลอตัวลงจากปีก่อนๆ เนื่องจากสภาพภูมิอากาศที่หนาวเย็นในช่วงต้นปี ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผลผลิตน้ำตาลในฤดูหีบอ้อยปี 2554/2555
ปัจจุบัน ผลผลิตน้ำตาลในมณฑลกว่างซีเพิ่งผ่านพ้นจากช่วงการเพาะปลูก และก้าวเข้าสู่ช่วงของการเจริญเติบโต
มณฑลกว่างซีทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีนมีผลผลิตน้ำตาลทั้งสิ้น 6.73 ล้านตันในฤดูหีบอ้อยประจำปี 2553/2554 ซึ่งลดลง 5.5% จากฤดูเก็บเกี่ยวในปีก่อนหน้านี้
-- กระทรวงพาณิชย์จีนเปิดเผยในรายงานรายสัปดาห์ว่า ราคาน้ำตาลในจีนรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (16 - 22 พ.ค.) กระเตื้องขึ้น 0.1% จากสัปดาห์ก่อนหน้านี้
ราคาน้ำตาลในประเทศอาจขาดปัจจัยหนุนที่จะทำให้ราคาเพิ่มขึ้นไปมากกว่านี้ เนื่องจากราคาน้ำตาลในตลาดโลกปรับตัวลดลงท่ามกลางผลผลิตที่เพิ่มขึ้น
กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์ว่า ราคาน้ำตาลจะไม่ปรับตัวสู่ช่วงขาขึ้นและจะทรงตัวอยู่ในระยะนี้
-- คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติของจีนระบุในจดหมายเวียนว่า จีนกำหนดเพดานราคารับซื้อข้าวสาลีของรัฐบาลในปีนี้ไว้ที่ 1,900 หยวน/ตันสำหรับข้าวสาลีขาวและ 1,860 หยวน/ตันสำหรับข้าวสาลีแดงและข้าวสาลีผสม ซึ่งเพิ่มขึ้น 100 หยวน/ตัน และ 140 หยวน/ตันตามลำดับจากปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ แผนการรับซื้อข้าวสาลีจะมีการบังคับใช้ใน 6 มณฑลที่เป็นพื้นที่เพาะปลูกข้าวสาลีที่สำคัญ ได้แก่ มณฑลเหอเป่ย์ เจียงซู อานฮุย ชานตง เหอหนาน และหูเป่ย์ ตั้งแต่วันที่ 21 พฤษภาคมถึง 30 กันยายน หากราคาข้าวสาลีร่วงลงอยู่ต่ำกว่าราคารับซื้อขั้นต่ำที่กำหนดไว้เป็นเวลา 3 วันในช่วงเวลาดังกล่าว
นักวิเคราะห์กล่าวว่า จีนอาจยังไม่เริ่มโครงการรับซื้อข้าวสาลีจากเกษตรกรในราคาขั้นต่ำที่รัฐบาลกำหนดไว้เพื่อสำรองผลผลิตในปีนี้ เนื่องจากราคาของตลาดอยู่สูงกว่าระดับราคาที่ช่วยคุ้มครองเกษตรกร