นางอรรชกา สีบุญเรือง เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า บีโอไอร่วมกับศูนย์แม่โขงศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดกิจกรรมนำนักลงทุนไทยไปดูลู่ทางการขยายธุรกิจการลงทุนร่วมกับนักธุรกิจพม่า และพบปะหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่เมืองย่างกุ้ง ทวาย และมะริด ระหว่างวันที่ 5 — 9 กรกฎาคม 2554
โดยจะเน้นไปที่อุตสาหกรรมประมงที่เมืองมะริด ซึ่งเป็นศูนย์กลางการประมงขนาดใหญ่ โดยการเยี่ยมชมบริษัท MYANMAR ANDAMAN PEARLที่ไทยได้ร่วมลงทุนกับพม่าทำฟาร์มเลี้ยงหอยมุกจนประสบความสำเร็จ หลังจากนั้นจะหารือกับบริษัทโรงงานห้องเย็น ท่าเรือ และธุรกิจโรงแรม เพื่อหาเครือข่ายและขยายการลงทุนร่วมกัน
"นอกจากทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์แล้ว พม่ายังมีปัจจัยบวกเรื่องการเป็นตลาดใหญ่และเป็นประตูเชื่อมเอเชียใต้กับเอเชียตะวันออก นักลงทุนไทยจึงสามารถใช้ประโยชน์นี้ต่อยอดให้ธุรกิจของตัวเอง บีโอไอจึงนำนักลงทุนไทยเข้าไปพบกับสมาชิกสมาพันธ์การค้าและอุตสาหกรรมของสหภาพพม่า เพื่อหารือกฎระเบียบและการขยายธุรกิจร่วมกันต่อไป" เลขาบีโอไอกล่าว
นอกจากนี้ ยังจะได้พบปะกับสภาหอการค้าเมืองทวาย เยี่ยมชมโครงการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกทวาย และเข้ารับฟังคำบรรยายที่บริษัทอิตาเลียนไทยซึ่งได้รับสัปทานโครงการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกและนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งข้อมูลที่ได้จากการหารือ บีโอไอจะนำไปจัดทำแนวทางเพื่อส่งเสริมเอกชนไทย ให้มีส่วนร่วมพัฒนาท่าเรือน้ำลึกทวายและพัฒนาอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในทวายต่อไป
ทั้งนี้ ตั้งแต่พ.ศ. 2531 ถึงพ.ศ. 2554 มีนักลงทุนไทยไปลงทุนทั้งสิ้น 61 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนประมาณ 9,568 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งในปี 2553 ไทยจัดเป็นนักลงทุนต่างชาติที่เข้าไปลงทุนในประเทศพม่าเป็นอันดับ 2 รองจากจีน