นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของออสเตรเลีย ซึ่งเป็นมาตรวัดอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจทั่วประเทศ จะหดตัวลง 0.3% ในไตรมาสแรกปีนี้ ซึ่งจะเป็นการหดตัวลงครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2551 เนื่องจากผลกระทบของภาวะน้ำท่วมในพื้นที่การเกษตรและเหมืองแร่
อย่างไรก็ตาม นายเกลน สตีเฟน ผู้ว่าการธนาคารกลางออสเตรเลียมองว่า หากจีดีพีไตรมาสแรกหดตัวอย่างที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ก็จะเป็นการหดตัวเพียงชั่วคราวเท่านั้น เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของออสเตรเลียยังแข็งแกร่ง และมีแนวโน้มว่าจีดีพีจะกลับขยายตัวได้ดีอีกครั้งในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
สำนักงานสถิติแห่งชาติออสเตรเลียจะเปิดเผยข้อมูลจีดีพีไตรมาสแรกในวันพรุ่งนี้ (31 พ.ค.) เวลา 11.30 น.ตามเวลาซิดนีย์ และหลังจากนั้นอีก 6 วัน ธนาคารกลางออสเตรเลียจะเปิดเผยผลการประชุมนโยบายการเงิน ซึ่งมีการคาดการณ์ในวงกว้างว่า ธนาคารกลางออสเตรเลียจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 4.75%
อย่างไรก็ตาม นายสตีเฟนได้ออกมาส่งสัญญาณว่า การตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ ทางธนาคารกลางจะไม่นำผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติมาพิจารณาเป็นปัจจัยหลัก พร้อมกับกล่าวว่า ธนาคารกลางยังคงคำนึงถึงความจำเป็นในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ
ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมานั้น สกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นโดยรวม 26% ขณะที่บริษัทยักษ์ใหญ่ของออสเตรเลีย รวมถึง บีเอชพี บิลลิตัน ได้เพิ่มการจ้างงานเพื่อรองรับความต้องการสินแร่เหล็กและถ่านหินจากประเทศจีนและอินเดีย ซึ่งทำให้อัตราว่างงานของออสเตรเลียลดลงสู่ระดับต่ำกว่า 5%