ค่าเงินยูโรดีดตัวขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (31 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเริ่มกลับมามีความเชื่อมั่นในเสถียรภาพของเศรษฐกิจยุโรปและสกุลเงินยุโร หลังจากหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า เยอรมนีและประเทศอื่นๆบางประเทศในยุโรปกำลังพิจารณาผ่อนปรนเงื่อนไขบางด้าน รวมถึงการยกเลิกการกดดันให้กรีซร่นเวลาการชำระหนี้พันธบัตรให้เร็วขึ้น และข่าวที่ว่าสหภาพยุโรป (อียู) กำลังเร่งสรุปมาตรการให้ความช่วยเหลือด้านการเงินงวดใหม่สำหรับกรีซ ขณะเงินที่เยนร่วงลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ หลังจากมูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ประกาศลดแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของญี่ปุ่น
ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้น 0.77% แตะที่ 1.4388 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.4278 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนตัวลง 0.15% แตะที่ 1.6447 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6471 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินเยนร่วงลง 0.72% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 81.520 เยนต่อดอลลาร์ จากระดับ 80.940 เยนต่อดอลลาร์ ขณะที่ดอลลาร์สหรัฐขยับขึ้น 0.12% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.8528 ฟรังค์ จากระดับ 0.8518 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.16% แตะที่ 1.0672 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0689 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 1.04% แตะที่ 0.8246 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8161 ดอลลาร์สหรัฐ
นักลงทุนกลับเข้าซื้อสกุลเงินยูโรอย่างคึกคักเนื่องจากการคาดการณ์ที่ว่า กรีซจะรอดพ้นจากการผิดนัดชำระหนี้และการปรับโครงหนี้ หลังจากหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า เยอรมนีและประเทศอื่นๆบางประเทศในยุโรปกำลังพิจารณาผ่อนปรนเงื่อนไขบางด้าน รวมถึงการยกเลิกการกดดันให้กรีซร่นเวลาการชำระหนี้พันธบัตรให้เร็วขึ้น
นอกจากนี้ นายฌอง-คล็อด ยุงเกอร์ ประธานกลุ่มรัฐมนตรีคลังยูโรโซนเปิดเผยว่า ผู้นำยุโรปกำลังเร่งสรุปมาตการให้ความช่วยเหลือครั้งใหม่กับกรีซ และกล่าว่าการปรับโครงสร้างหนี้ของกรีซไม่ใช่ทางเลือกในขณะนี้ ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยหนุนค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นด้วย
ส่วนค่าเงินเยนอ่อนตัวลงหลังจากมูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือของญี่ปุ่น ซึ่งบ่งชี้ว่ามูดีส์มีแนวโน้มที่จะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของญี่ปุ่นลงในวันข้างหน้า เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับนโยบายที่อ่อนแอในการรับมือกับเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง ซึ่งการทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือในครั้งนี้ อาจจะทำให้นายกรัฐมนตรีนาโอโตะ คัง ของญี่ปุ่น เผชิญกับความยากลำบากในการระดมทุนเพื่อใช้ในการบูรณะฟื้นฟูประเทศหลังจากเกิดแผ่นดินไหว
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินของหลายประเทศ หลังจากมีการเปิดเผยข้อมูลซึ่งบ่งชี้ถึงความอ่อนแอของเศรษฐกิจสหรัฐ รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐร่วงลงสู่ระดับ 60.8 จุดในเดือนพ.ค. จากเดือนเม.ย.ที่ระดับ 66.0 จุด เนื่องจากผู้บริโภคมองว่ายังไม่มีสัญญาณที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวแข็งแกร่งในระยะใกล้นี้
ขณะที่ราคาบ้านใน 20 เขตเมืองของสหรัฐปรับตัวลง 0.2% ในเดือนมี.ค.ทำสถิติลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 9 สะท้อนให้เห็นว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐยังคงซบเซา และดัชนีการผลิตในเขตมิดเวสต์ของสหรัฐ หดตัวลง 0.9% ในเดือนเม.ย. สู่ระดับ 83.6 จุด
ทางการสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญด้านอื่นๆในสัปดาห์นี้ รวมถึงดัชนีภาคการผลิตเดือนพ.ค., ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนเม.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อของโรงงานเดือนเม.ย., ดัชนีภาคบริการเดือนพ.ค. และตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนพ.ค.
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ในวอลล์สตรีทคาดว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนพ.ค.ของสหรัฐจะเพิ่มขึ้น 185,000 ราย ซึ่งจะเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 8 และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนพ.ค.จะปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 8.9%