สำนักงานสถิติออสเตรเลียเปิดเผยว่า ผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาสเดือนมีนาคม หดตัว 1.2% ซึ่งมีสาเหตุส่วนใหญ่มาจากภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกในอุตสาหกรรมที่สำคัญๆของประเทศ อาทิ เหมืองถ่านหิน
ตัวเลขจีดีพีที่ได้รับการเปิดเผยล่าสุดถือเป็นการหดตัวมากที่สุดนับตั้งแต่ที่เศรษฐกิจออสเตรเลียหดตัว 1.3% ในไตรมาสเดือนมีนาคม 2534 สำหรับครั้งสุดท้ายที่ออสเตรเลียเผชิญกับจีดีพีหดตัวคือในไตรมาสเดือนธันวาคมของปี 2551 ซึ่งเป็นช่วงวิกฤตการเงินโลก
ทั้งนี้ จีดีพีออสเตรเลียไตรมาสแรกขยายตัวเพียง 1.0% เมื่อเทียบกับ 2.7% ในปีที่แล้ว
สำนักงานสถิติฯ ระบุว่า เหตุอุทกภัยเมื่อช่วงฤดูร้อนส่งผลกระทบอย่างมากต่อตัวเลขจีดีพี และสะท้อนให้เห็นในภาคอุตสาหกรรมเหมืองแร่ที่ร่วงลง 6.1% ซึ่งถือเป็นอุตสาหกรรมที่มีส่วนให้เศรษฐกิจในไตรมาสแรกลดลงมากที่สุดถึง 0.6%
ขณะที่ภาคการผลิตลดลง 2.4% และภาคการเกษตรร่วงลง 8.9% ซึ่งทั้งสองภาคอุตสาหกรรมมีส่วนทำให้จีดีพีหดตัวลง 0.2%
"อุทกภัยซึ่งเริ่มต้นขึ้นในช่วงปลายเดือนธันวาคม 2553 ประกอบกับพายุไซโคลนทั้งในรัฐควีนส์แลนด์และเวสเทิร์นออสเตรเลีย ได้ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจในไตรมาสเดือนมีนาคม" สำนักงานสถิติฯ ระบุในรายงานที่เผยแพร่ในวันนี้
อย่างไรก็ดี สำนักงานสถิติฯระบุว่า "แม้จีดีพีร่วงลง แต่รายได้มวลรวมประชาชาติที่แท้จริงเพิ่มขึ้น 0.3% ซึ่งได้รับปัจจัยหนุนจากการค้าที่ขยายตัว 5.8% อันเนื่องมาจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่แข็งแกร่งขึ้น" สำนักข่าวซินหัวรายงาน