นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.) เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังเตรียมเปิดขายพันธบัตรรัฐบาลอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ(พันธบัตรชดเชยเงินเฟ้อ) เป็นครั้งแรกของประเทศ วงเงินไม่เกิน 4 หมื่นล้านบาท อายุ 10 ปี โดยจะเปิดขายช่วงวันที่ 11-13 ก.ค.นี้
สำหรับอัตราดอกเบี้ยผลตอบแทนแยกเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนแรกเป็นอัตราดอกเบี้ยหน้าตั๋วอยู่ที่ประมาณ 1% ต่อปี ซึ่งจะมีการกำหนดอัตราดอกเบี้ยที่ชัดเจนในส่วนนี้อีกครั้งในวันที่ 6 ก.ค.นี้ ส่วนที่สองเป็นดอกเบี้ยชดเชยอัตราเงินเฟ้อบนดอกเบี้ย และส่วนที่สามเป็นดอกเบี้ยชดเชยอัตราเงินเฟ้อบนเงินต้น ซึ่งจะมีการประกาศผลตอบแทนดังกล่าวในช่วง 2 สัปดาห์ก่อนการจ่ายดอกเบี้ย โดยจะมีการจ่ายอัตราดอกเบี้ยทุก 6 เดือน
ทั้งนี้จะมีการขายพันธบัตรดังกล่าวให้กับนักลงทุนรายย่อย นักลงทุนสถาบัน นักลงทุนในประเทศ และนักลงทุนต่างประเทศ แต่ในขณะนี้ยังไม่สามารถกำหนดสัดส่วนว่าจะขายให้แต่ละกลุ่มในจำนวนเท่าใด เนื่องจากต้องรอดูการแสดงความสนใจจากนักลงทุนก่อน โดยจะมีการเดินทางไปโรดโชว์ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในช่วงกลางเดือน มิ.ย.นี้ รวมทั้งที่ฮ่องกง และสิงคโปร์
ผู้อำนวยการ สบน.กล่าวว่า การออกพันธบัตรดังกล่าวจะเป็นกลไกบ่งชี้ความร่วมมือด้านนโยบายระหว่างกระทรวงการคลังกับธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ในการติดตามเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และขยายฐานการลงทุนในตลาดตราสารหนี้ให้มีความหลากหลายมากขึ้น ปัจจุบันอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี อยู่ที่ 3.8% และหากแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อสูงเกิน 3% จะส่งผลให้ผู้ที่ลงทุนในพันธบัตรชดเชยเงินเฟ้อได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่าพันธบัตรทั่วไปในตลาด
ทั้งนี้ พันธบัตรชดเชยเงินเฟ้อ(Inflation Linked Bond) เป็นทางเลือกในการลงทุนและบริหารความเสี่ยงของนักลงทุนในช่วงที่มีอัตราเงินเฟ้อสูงเช่นในปัจจุบัน นอกจากนั้นจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการบ่งชี้ถึงระดับของการพัฒนาตลาดตราสารหนี้ของไทยที่มีความหลากหลายและสามารถตอบโจทย์ให้แก่นักลงทุนทุกประเภท
โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักลงทุนที่ต้องการรักษาอำนาจซื้อจากการเปลี่ยนแปลง ของเงินเฟ้อ โดยรัฐบาลจะจ่ายส่วนชดเชยเงินเฟ้อบนเงินต้นคืนให้กับนักลงทุนพร้อมกับเงินต้นที่ 100% ณ วันครบกำหนดไถ่ถอน ซึ่งถือเป็นการรักษาอำนาจซื้อได้อย่างสมบูรณ์ พันธบัตรดังกล่าวเหมาะสมสำหรับนักลงทุนที่ต้องการออมเงินเพื่อที่จะใช้ในอนาคตข้างหน้าเช่น เพื่อการเกษียณ เพื่อการศึกษาของบุตรหลาน
สำหรับธนาคารพาณิชย์ที่เป็นตัวแทนจำหน่าย 4 แห่ง ได้แก่ ธนาคารฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้แบงกิ้งคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) และธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)