นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ(กนป.) ออกมาตำหนิกระทรวงพาณิชย์กรณีให้ข่าวว่าจะเสนอให้ กนป.พิจารณาปรับลดราคาขายน้ำมันปาล์มจากขวดละ 47 บาท เหลือ 42 บาท แต่ในวันนี้กระทรวงพาณิชย์ไม่ได้เสนอเรื่องดังกล่าวให้ที่ประชุมฯพิจารณา โดยนายสุเทพขอให้ผู้เกี่ยวข้องพิจารณาด้วยความรอบคอบก่อนที่จะออกมาให้ข่าว เพราะไม่เช่นนั้นจะสร้างความสับสนให้กับประชาชน และส่งผลกระทบต่อกลไกตลาด
วันนี้ที่ประชุมฯ ได้รับทราบผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมากรณีให้โรงสกัดน้ำมันปาล์มรับซื้อผลปาล์มดิบที่มีอัตราน้ำมันขั้นต่ำ 17% จากเกษตรกรในราคากิโลกรัมละ 6 บาท ที่คุณภาพอัตราน้ำมันขั้นต่ำ 17% และโรงกลั่นฯ กลั่นน้ำมันปาล์มบริโภคจำหน่ายให้ผู้บริโภคไม่เกินลิตรละ 47 บาท โดยรัฐบาลชดเชยให้กับโรงกลั่นน้ำมันพืช ในอัตราลิตรละ 1.79 บาท
ส่วนน้ำมันที่เหลือจากการบริโภค ให้มีการนำผลิตเป็นไบโอดีเซล โดยให้บริษัทที่รับผลิตไบโอดีเซล ซื้อน้ำมันปาล์มดิบในราคาไม่น้อยกว่า 36.28 บาท/กก.
คณะอนุกรรมการตรวจสอบการดำเนินการตามนโยบาย (ดร.กนก คติการ) และสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ได้มีการลงพื้นที่ตรวจสอบการปฏิบัติการจริงในทุกจังหวัด พบว่าส่วนใหญ่สามารถดำเนินการได้ตามมติ กนป. แต่ยังมีปัญหาในส่วนที่เป็นลานเทและโรงสกัดน้ำมันที่ไม่ได้เป็นสมาชิกสมาคมฯ รับซื้อผลปาล์มดิบจากเกษตรกรในราคากิโลกรัมละ 5.80 บาท ซึ่งที่ประชุมฯ กำชับให้สมาคมไปเจรจาเพื่อให้มีการรับซื้อผลปาล์มดิบจากเกษตรกรในราคาดังกล่าวตามมติ กนป.
ส่วนมติ กนป. ที่ให้โรงงานสกัดน้ำมันรับซื้อน้ำมันปาล์มที่คุณภาพ 17% ว่า ที่ผ่านมาค่อนข้างมีปัญหาในเบื้องต้นเนื่องจากเกษตรกรยังไม่คุ้นเคย อีกทั้งผลผลิตได้รับการปฏิเสธจากโรงงานที่จะรับซื้อ แต่เมื่อผู้ว่าราชการจังหวัดได้มีการประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และได้กำหนดมาตรการในการปฏิบัติเพื่อรักษาคุณภาพแล้ว ทำให้ทั้งฝ่ายเกษตรกรและโรงงานต่างยอมรับระบบดังกล่าว ทำให้เกิดผลดีต่อผลผลิตปาล์มน้ำมันของประเทศโดยส่วนรวม เมื่อเปอร์เซ็นต์น้ำมันที่สูงขึ้น ย่อมทำให้ผลผลิตและคุณภาพโดยรวมของน้ำมันปาล์มในประเทศดีขึ้นกว่า 70% และเกษตรกรในบางพื้นที่สามารถพัฒนาคุณภาพขายได้ที่คุณภาพ จาก 17% เป็น 18.5% แต่สิ่งที่ยังมีปัญหาต้องแก้ไขคือการมีระบบ 2 ราคา ซึ่งคณะกรรมการ กนป. ยืนยันว่าจะต้องให้เป็นระบบราคาเดียว โดยมอบหมายให้กระทรวงพลังงานตรวจสอบข้อเท็จจริงพร้อมศึกษาตัวเลขให้ชัดเจน แล้วปรับตัวเลขของการรับซื้อน้ำมันดิบจากโรงงานสกัด เพื่อดูดซับน้ำมันดิบในส่วนที่เหลือจากการบริโภคทั้งหมดไปผลิตเป็นน้ำมันไบโอดีเซล และควบคุมราคาน้ำมันดิบให้เป็นไปตามมติคณะกรรมการ กนป.
ทั้งนี้ ที่ประชุมฯ นัดประชุมหลังจากนี้อีก 10 วัน เพื่อติดตามความคืบหน้า การปฏิบัติจากฝ่ายต่าง ๆ และมอบหมายกระทรวงพาณิชย์ไปดูว่าในมาตรการที่คณะกรรมการ กนป. ได้กำหนดไปนั้น โดยข้อเท็จจริงแล้วมีประเด็นใดบ้างที่คณะกรรมการฯ ควรรับทราบจะได้มาพิจารณาร่วมกับการกำหนดมาตรการต่อไป
ด้านนางวิวรรณ บุณยประทีปรรตน์ เลขาธิการสมาคมปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ประมาณการผลผลิตปีนี้ที่ราวๆ 8.9 ล้านตัน สูงกว่าปี 53 ที่ผลผลิตอยู่ราว 7.9 ล้านตัน เนื่องจากปี 53 มีปัญหาเรื่องภัยแล้งเข้ามากระทบ ซึ่งผลผลิตในปีนี้จะทยอยออกสู่ตลาดจนถึง ก.ค.นี้ หลังจากนั้นก็ต้องมาพิจารณาสถานการณ์กันอีกที
สำหรับปริมาณสำรองน้ำมันปาล์มทั้งระบบในเดือน เม.ย.54 อยู่ที่ 156,318 ตัน เพิ่มขึ้นจาก 139,371 ตันในเดือน มี.ค.54 ซึ่งที่ประชุมฯ มอบหมายให้กระทรวงพลังงานไปบริหารเพื่อใช้ในการผลิตเป็นไบโอดีเซล B3 และ B5