ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: วิตกหนี้ยุโรปฉุดยูโรอ่อน ขณะตลาดจับตาประชุมธ.กลางยุโรป

ข่าวต่างประเทศ Tuesday June 7, 2011 06:58 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ค่าเงินยูโรอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (6 มิ.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลเรื่องปัญหาหนี้ยุโรป หลังจากเจ้าหน้าที่เยอรมนีได้ออกมาแสดงความคิดเห็นว่า การให้ความช่วยเหลือครั้งใหม่กับกรีซนั้นอาจจะยังไม่แน่นอน แม้สหภาพยุโรป (อียู) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ตกลงกันเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่าจะให้ความช่วยเหลือทางการเงินกับกรีซอีกก็ตาม ขณะที่นักลงทุนจับตาดูการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) หลังจากมีการคาดการณ์ว่าคณะกรรมการอีซีบีอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้

ค่าเงินยูโรร่วงลง 0.45% แตะที่ 1.4568 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.4634 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ค่าเงินปอนด์ร่วงลง 0.47% แตะที่ 1.6349 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6427 ดอลลาร์สหรัฐ

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลง 0.16% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 80.130 เยน จากระดับ 80.260 เยน แต่ดีดตัวขึ้น 0.37% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.8363 ฟรังค์ จากระดับ 0.8332 ฟรังค์

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.14% แตะที่ 1.0700 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0715 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์อ่อนตัวลง 0.32% แตะที่ 0.8127 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8153 ดอลลาร์สหรัฐ

สกุลเงินยูโรยังคงได้รับแรงกดดันจากความกังวลเรื่องปัญหาหนี้ยุโรป หลังจากเจ้าหน้าที่เยอรมนีได้ออกมาแสดงความคิดเห็นว่า การให้ความช่วยเหลือครั้งใหม่กับกรีซนั้นอาจจะยังไม่แน่นอน แม้อียูและไอเอ็มเอฟได้ตกลงกันเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่าจะให้ความช่วยเหลือทางการเงินกับกรีซอีกก็ตาม

นอกจากนี้ สกุลเงินยูโรยังถูกกดดันจากการที่นายฌอง-คล้อด ยุงเกอร์ ประธานรัฐมนตรีคลังกลุ่มยูโรโซนได้แสดงความเห็นต่อคณะกรรมาธิการด้านเศรษฐกิจของยุโรปว่า สกุลเงินยูโรกำลังอยู่ในภาวะที่ "มีมูลค่าสูงเกินไป"

นักลงทุนกังวลว่า แม้กรีซได้รับเงินช่วยเหลือจากอียูและไอเอ็มเอฟงวดแรกมูลค่า 100 ล้านยูโรในปีที่แล้ว แต่สถานะการคลังของกรีซยังคงย่ำแย่มาจนถึงปีนี้ และมีความเป็นไปได้ว่าสถานการณ์ด้านการเงินของกรีซอาจจะยังไม่กระเตื้องขึ้นไปจนถึงปีหน้า ซึ่งอาจจะทำให้กรีซต้องยื่นขอความช่วยเหลือด้านการเงินจากอียูและไอเอ็มเอฟอีก

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐยังคงได้รับปัจจัยลบจากรายงานที่ว่าตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเพิ่มขึ้น 54,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นตัวเลขที่น้อยกว่าคาดการณ์ ขณะที่อัตราว่างงานในเดือนพ.ค.ขยับขึ้นสู่ระดับ 9.1% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่สอง

ข้อมูลของกระทรวงแรงงานสหรัฐระบุว่า จำนวนคนว่างงานที่ไม่มีงานทำติดต่อกันเป็นเวลาอย่างน้อย 27 สัปดาห์ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 361,000 คน สู่ระดับ 6.2 ล้านคนในเดือนพ.ค. ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 45.1% ของจำนวนคนว่างงานทั้งหมด และใกล้เคียงกับสัดส่วนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 45.6% เมื่อปีที่แล้ว

คอนเฟอเรนซ์ บอร์ดเปิดเผยว่า ดัชนีแนวโน้มการจ้างงานของสหรัฐลดลงสู่ระดับ 99.7 จุดในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 จากระดับ 100.1 จุดของเดือนเม.ย. อย่างไรก็ตาม ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.3% จากเดือนพ.ค.ปีที่แล้ว

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นักลงทุนจับตาดูการประชุมของธนาคารกลางยุโรปในวันพฤหัสบพีที่ 10 มิ.ย. โดยมีการคาดการณ์ในวงกว้างว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรปจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในการประชุมครั้งนี้หรืออาจจะเป็นการประชุมในครั้งหน้า หลังจากอัตราเงินเฟ้อในยูโรโซนพุ่งขึ้นเหนือระดับเป้าหมายของธนาคารกลาง

ทางการสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาหนี้ รวมถึงรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจหรือ Beige Book ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), ข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนเม.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และรายงานงบประมาณของรัฐบาลกลางสหรัฐประจำเดือนพ.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ