นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้ขอความร่วมมือจากฟาร์มหมู โรงชำแหละ และบริษัทรายใหญ่ เช่น ซี.พี., เบทาโกร ให้จำหน่ายเนื้อหมูทั้งระบบตามราคาแนะนำที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด หลังจากที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้สอบถามถึงสาเหตุที่ราคาเนื้อหมูบางพื้นที่ขายแพงกว่าราคาควบคุมมาก เช่น หมูเป็นหน้าฟาร์มกำหนดราคาแนะนำที่กิโลกรัมละ 69-70 บาท แต่บางพื้นที่ขายที่กก.ละ 71-72 บาท ส่งผลให้ราคาขายปลีกต้องปรับขึ้นตามไปด้วย
โดยหลังจากนี้ จะสั่งการให้กรมการค้าภายในส่งเจ้าหน้าที่ลงตรวจสอบราคาหมูทั่วประเทศ ทั้งราคาหมูเป็นและหมูชำแหละ หากผู้ประกอบการรายใดขายหมูเกินราคาแนะนำที่กำหนดจะตักเตือนเบื้องต้น แต่หากยังจงใจขายเกินราคาจะใช้มาตรการกฎหมาย ตามมาตรา 29 พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 โดยมีโทษปรับ 140,000 บาท โทษจำคุก 7 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ
สำหรับราคาแนะนำล่าสุดที่กรมการค้าภายในได้ประกาศปรับลดราคาขายปลีกเนื้อหมูลงอีกกก.ละ 5 บาท มีผลตั้งแต่วันนี้(7 มิ.ย.) เป็นดังนี้ ราคาขายปลีกหมูเนื้อแดง(สะโพก) กรุงเทพฯ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันตก ไม่เกินกก.ละ 130 บาท ภาคเหนือและอีสานไม่เกินกก.ละ 135 บาท ส่วนภาคใต้ไม่เกินกก.ละ 140 บาท ส่วนราคาหมูเป็นหน้าฟาร์มกำหนดที่กก.ละ 69-70 บาท
ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เชื่อว่าสถานการณ์ราคาหมูจะปรับตัวดีขึ้นอย่างช้าในช่วงต้นเดือนก.ค.นี้ หลังจากที่ผลผลิตเริ่มมีปริมาณเพิ่มขึ้น จากสภาพอากาศที่เย็นลงและสัดส่วนการแท้งของหมูในโรคพีอีดีมีอัตราสูญเสียน้อยลง
ทั้งนี้ เห็นว่าเมื่อราคาเนื้อหมูมีแนวโน้มอ่อนตัวลง รวมถึงวัตถุดิบประกอบการปรุงสำเร็จเริ่มปรับตัวลง ทั้งราคาไข่ไก่ เนื้อไก่ เป็นต้น ผู้ประกอบการอาหารสำเร็จรูปก็ไม่ควรขึ้นราคาขายอีก โดยวันที่ 10 มิ.ย.จะเชิญผู้ประกอบการอาหารสำเร็จรูปมาหารือถึงมาตรการดูแลเพื่อลดค่าครองชีพประชาชน และบริหารจัดการให้เงินเฟ้อปีนี้ขยายตัวตามเป้าหมายที่ไม่เกิน 3.7%