ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (7 มิ.ย.) หลังจากเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งการแสดงความเห็นดังกล่าวทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะใกล้นี้ ขณะที่สกุลเงินยูโรได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางยุโรปจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.77% เมื่อเทียบกับยูโรที่ระดับ 1.4688 ยูโร จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.4576 ยูโร และดิ่งลง 0.57% เมื่อเทียบกับเงินปอนด์ที่ระดับ 1.6447 ปอนด์ จากระดับ 1.6353 ปอนด์
นอกจากนี้ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลง 0.07% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 80.040 เยน จากระดับ 80.100 เยน และร่วงลง 0.30% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.8367 ฟรังค์ จากระดับ 0.8342 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียดีดขึ้น 0.04% แตะที่ 1.0716 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0712 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.82% แตะที่ 0.8204 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8137 ดอลลาร์สหรัฐ
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงหลังจากเบอร์นันเก้แสดงความคิดเห็นในที่ประชุมด้านการธนาคารในเมืองแอตแลนต้าว่า อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากภาคการผลิตซบเซา และผลกระทบจากการพุ่งขึ้นของราคาพลังงาน นอกจากนี้ เบอร์นันเก้กล่าวว่า แม้อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มที่จะกระเตื้องขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ แต่ก็ยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะทำให้อัตราว่างงานลดลงได้
การแสดงความคิดเห็นของเบอร์นันเก้ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่คาดว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะใกล้นี้ และการตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0-0.25% จะยิ่งสร้างแรงกดดันให้กับสกุลเงินดอลลาร์
อีธาน แฮร์ริส หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์เขตอเมริกาเหนือของแบงก์ ออฟ อเมริกา เมอร์ริล ลินช์ คาดว่า เฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนกว่าอัตราว่างงานจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 8% นอกจากนี้ การที่เศรษฐกิจสหรัฐยังคงชะลอตัวลงและอยู่ในภาวะเปราะบาง จึงคาดว่าเฟดจะต้องใช้ความอดทนอย่างมาก ก่อนที่จะเริ่มใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงิน
แฮร์ริสคาดว่า เฟดจะตรึงดอกเบี้ยที่ระดับต่ำไปจนถึงไตรมาส 2 ของปี 2555 และจากนั้นจึงจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในไตรมาส 3 ของปีดังกล่าว ก่อนที่จะเริ่มขายสินทรัพย์รวมถึงตราสารหนี้ในปี 2556
นักลงทุนจับตาดูการประชุมของธนาคารกลางยุโรปในวันพฤหัสบดีนี้ โดยมีการคาดการณ์ในวงกว้างว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรปจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในการประชุมครั้งนี้หรืออาจจะเป็นการประชุมในครั้งหน้า หลังจากอัตราเงินเฟ้อในยูโรโซนพุ่งขึ้นเหนือระดับเป้าหมายของธนาคารกลาง
ทางการสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาหนี้ รวมถึงรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจหรือ Beige Book ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), ข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนเม.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และรายงานงบประมาณของรัฐบาลกลางสหรัฐประจำเดือนพ.ค.