เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวปาฐกถาในการประชุมที่เมืองแอตแลนต้า มลรัฐจอร์เจียเมื่อคืนนี้ตามเวลาประเทศไทยว่า อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากภาคการผลิตชะลอตัวลง อันเป็นผลมาจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิในญี่ปุ่น นอกจากนี้ เศรษฐกิจสหรัฐยังได้รับผลกระทบจากการพุ่งขึ้นของราคาพลังงาน
เบอร์นันเก้กล่าวว่า แม้อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มที่จะกระเตื้องขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ แต่ก็ยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะทำให้อัตราว่างงานลดลงได้
"แม้เศรษฐกิจกำลังเคลื่อนตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้น แต่อัตราการขยายตัวยังคงช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาสแรกที่ขยายตัวเพียง 1.8% เท่านั้น ด้วยเหตุนี้เศรษฐกิจสหรัฐจึงต้องการนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย" เบอร์นันก้กล่าว
เบอร์นันเก้กล่าวว่า แม้มีสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวขึ้นจากวิกฤตการเงินครั้งร้ายแรงที่สุดแล้ว แต่ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมยังคงได้รับผลกระทบจากจำนวนคนว่างงานที่สูงมาก โดยรายงานล่าสุดของกระทรวงแรงงานสหรัฐระบุว่า จำนวนคนว่างงานที่ไม่มีงานทำติดต่อกันเป็นเวลาอย่างน้อย 27 สัปดาห์ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 361,000 คน สู่ระดับ 6.2 ล้านคนในเดือนพ.ค. ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 45.1% ของจำนวนคนว่างงานทั้งหมด และใกล้เคียงกับสัดส่วนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 45.6% เมื่อปีที่แล้ว
นอกจากนี้ เบอร์น้นเก้ระบุว่า ภาวะซบเซาของภาคการผลิตเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวได้น้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากเกิดภาวะติดขัดในห่วงโซ่อุปทาน ที่เป็นผลมาจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลืนสึนามิในญี่ปุ่น ซึ่งภัยพิบัติทางธรรมชาติในครั้งนี้นอกจากจะส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตแล้ว ยังสร้างแรงกดดันให้กับตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลกด้วย
ทั้งนี้ เบอร์นันเก้ย้ำว่า ภาวะตัดขัดในห่วงโซ่อุปทานที่เป็นผลมาจากแผ่นดินไหวในญี่ปุ่นเมื่อเดือนมี.ค.นั้น ส่งผลกระทบโดยตรงต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐในไตรมาสแรก อย่างไรก็ตาม เบอร์นันเก้คาดว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมจะเริ่มกระเตื้องขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
ส่วนในด้านเงินเฟ้อนั้น เบอร์นันเก้กล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐอาจจะปรับตัวลดลงในระยะกลาง เนื่องจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์เริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น และต้นทุนด้านแรงงานในภาคธุรกิจเริ่มปรับตัวลง อย่างไรก็ตาม เบอร์นันเก้กล่าวว่า เฟดจะใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินทันทีหากพบว่าอัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นสูงกว่าการคาดการณ์ของเฟด
ในระหว่างการแสดงมุมมองเศรษฐกิจในครั้งนี้ เบอร์นันเก้ไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะมีการใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) รอบใหม่ ในขณะที่มาตรการ QE2 จะหมดอายุลงในปลายเดือนนี้
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า การประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) ครั้งต่อไปจะมีขึ้นในวันที่ 21-22 มิ.ย.นี้