นางอรรชกา สีบุญเรือง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) กล่าวในงานสัมมนาส่งเสริมการลงทุนไทยในต่างประเทศว่า เพื่อเป็นการกระตุ้นให้กับภาคเอกชนของไทยย้ายฐานการผลิตและการลงทุนไปต่างประเทศมากขึ้น รวมถึงลดต้นทุนการผลิตและขยายตลาดในต่างประเทศ และเพื่อสร้างความได้เปรียบแก่ผู้ผลิตของไทย บีโอไอจึงไม่ได้มุ่งเน้นแค่เพียงตลาดในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมกลุ่มประเทศตลาดใหม่ ซึ่งมีโอกาสและช่องทางให้กับผู้ผลิตสินค้าของไทย เช่น กลุ่มประเทศในแอฟริกา หรือกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง
โดยปัจจัยสำคัญในการส่งเสริมการลงทุนไทยในต่างประเทศ คือ มาตรการด้านการเงิน เช่น กองทุนดอกเบี้ยต่ำ และมาตรการทางภาษี เช่น การยกเว้นภาษีสำหรับผลกำไรที่นำกลับประเทศของผู้ผลิตไทย
"สิ่งเหล่านี้บีโอไอกำลังดำเนินการศึกษาและจัดทำร่างกฎหมายและหลักเกณฑ์การส่งเสริมการลงทุนไทยในต่างประเทศ พร้อมกับประสานงานกระทรวงการคลังเพื่อพิจารณามาตรการส่งเสริมเหล่านี้" เลขาธิการบีโอไอกล่าว
นางอรรชกา กล่าวว่า ตั้งแต่ต้นปี 54 บีโอไอได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการลงทุนไทยในต่างประเทศมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน และกลุ่มประเทศตลาดใหม่ โดยในส่วนของกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านนั้น บีโอไอได้นำคณะนักธุรกิจไทยไปดูลู่ทางการลงทุนในย่างกุ้ง อมรปุระ เจ้เซ ประเทศพม่า, เมืองโฮจินิมห์ บินเยือง บาเรีย หวุงเต่า ประเทศเวียดนาม, กรุงพนมเปญ เกาะกง สีหนุวิลล์ กัมปอต แกบ ประเทศกัมพูชา ส่วนกลุ่มประเทศตลาดใหม่นั้น บีโอไอได้นำนักธุรกิจไทยไปดูลู่ทางการลงทุนแล้วที่ประเทศ นามิเบีย ยูกันดา เคนยา โมซัมบิก มอริเซียส
ทั้งนี้ในเดือนมิ.ย.-ก.ย.54 บีโอไอยังมีกิจกรรมนำคณะนักธุรกิจไทยไปสำรวจลู่ทางการลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน และกลุ่มประเทศตลาดใหม่ ได้แก่ ประเทศลาว (สะหวันเขต จำปาสัก สาละวัน)ประเทศพม่า (ย่างกุ้ง ทวาย มะริด) กัมพูชา (สะตรึงแตร็ง รัตนคีรี กรอแจะ กำปงจาม พนมเปญ) ประเทศจอร์แดน และเอธิโอเปีย