สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (8 มิ.ย.) เพราะถูกกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ หลังจากนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ได้ส่งสัญญาณว่าคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟดจะใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบ 3 หรือ QE3 ในขณะที่มาตรการ QE2 จะหมดอายุลงในช่วงปลายเดือนนี้
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ร่วงลง 5.30 ดอลลาร์ หรือ 0.3% ปิดที่ 1,538.70 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,532.80-1,544.20 ดอลลาร์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค.ร่วงลง 42.6 เซนต์ ปิดที่ 36.620 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนก.ค.ลดลง 4.1 เซนต์ ปิดที่ 4.1085 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค.ปรับตัวลง 50 เซนต์ ปิดที่ 1,831.20 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ดิ่งลง 3.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 805.70 ดอลลาร์/ออนซ์
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เบอร์นันเก้กล่าวในที่ประชุมด้านการธนาคารในเมืองแอตแลนต้าเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า เศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่เบอร์นันเก้ไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะมีการใช้มาตรการ QE3 หลังจากที่มาตรการ QE2 หมดอายุลงในปลายเดือนนี้ ซึ่งท่าทีดังกล่าวทำให้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นและสร้างแรงกดดันให้กับตลาดทองคำ
ไมค์ ดาลี ผู้เชี่ยวชาญด้านทองคำจากบริษัท PFGbest ในเมืองชิคาโกของสหรัฐกล่าวว่า "แม้มีการคาดการณ์กันไว้ก่อนหน้านี้ว่าสหรัฐจะยังคงใช้มาตรการ QE เพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่ในการประชุมครั้งนี้ เบอร์นันเก้ไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะใช้ QE3 เมื่อ QE2 หมดอายุลงในปลายเดือนนี้ ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น แต่ได้ฉุดราคาโลหะมีค่าร่วงลง
"แม้ว่าราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น แต่การที่ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ทำให้เกิดแรงเทขายในตลาดทองคำ" ดาลีกล่าว