นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยภายหลังการเป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจเพื่อความร่วมมือในการศึกษาการใช้โครงการเคเบิลไยแก้วนำแสง (Fiber Optic) ของรัฐวิสาหกิจกลุ่มไฟฟ้าและกลุ่มสื่อสาร ประกอบด้วย บมจ.ทีโอที บมจ.กสท โทรคมนาคม การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟ้ส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ว่า ความร่วมมือดำเนินการเป็นการเตรียมความพร้อมในการดำเนินนโยบายของภาครัฐในการพัฒนาโครงข่ายโทรคมนาคมร่วมกันเพื่อรองรับการเข้าถึงระบบอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง (Broadband Internet) ที่จะช่วยสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศและลดความเหลื่อมล้ำการเข้าถึงสารสนเทศของประชาชน
ทั้งนี้ จากการศึกษาพบว่ารัฐวิสาหกิจกลุ่มไฟฟ้ามีโครงการ Fiber Optic ที่เหลือจากการใช้งานในกิจการภายใน และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในด้านการสื่อสารได้ โดยสามารถรองรับการส่งผ่านข้อมูลสารสนเทศได้อีกจำนวนมาก แต่ยังต้องมีการพิจารณาในเชิงเทคนิค โดยเฉพาะจุดเชื่อต่อและการแบ่งพื้นที่การวางโครงข่าย
ดังนั้น ความร่วมมือของรัฐวิสาหกิจ 5 แห่งในครั้งนี้ จะมีการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมในเชิงลึกในการใช้ทรัพยากรร่วมกัน โดยคาดว่าผลการศึกษาจะแล้วเสร็จภายในเดือน ส.ค.54 และในปี 55 จะเริ่มการใช้ทรัพยาการดังกล่าวเพื่อสนับสนุนโครงการต่างๆได้จริง และช่วยลดต้นทุนและเงินงบประมาณในการลงทุน
"ปีหน้าคาดว่าคนไทย 80%จะเข้าถึงระบบบรอดแบนด์ได้ และภายในปี 63 ระบบบรอดแบนด์จะมีความเร็วสูงถึง 100 เมกกะไบท์ และจะทำให้ผู้รัฐวิสาหกิจประหยัดงบประมาณในการดำเนินการวางโครงข่าย"นายสมชัย กล่าว
นอกจากนี้ ระบบโครงข่าย Fiber Optic ยังสามารถเปิดให้เอกชนเช่าระบบโดยโดยคิดค่าบริการ และรัฐวิสาหกิจะมีการตกลงร่วมกันในการจัดสรรส่วนแบ่งรายได้ต่อไป
ผู้อำนวยการ สคร. กล่าวอีกว่า การใช้ทรัพยากรร่วมกันของรัฐวิสาหกิจกลุ่มไฟฟ้าและกลุ่มสื่อสาร ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของการเพิ่มประสิทธิรัฐวิสาหกิจ รวมถึงการบริหารการเงินการคลังของประเทศ ซึ่งปัจจุบัน สคร.ผลักดันให้รัฐวิสาหกิจมีการใช้ทรัพยากรร่วมกันให้แพร่หลายมากขึ้น และในอนาคตจะมีการผลักดันการใช้ทรัพยากรร่วมกันระหว่างภาครัฐ รัฐวิสาหกิจและเอกชน เพื่อการใช้ทรัพยากรและการลงทุนเป็นไปอย่างประหยัดและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด