นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการ และ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์(ซีพี)เปิดเผยในงานประชุมบริหารธุรกิจของสถาบันบัณฑิตพัฒนาบริหารศาสตร๋(นิด้า)โดยแนะนำให้รัฐบาลใหม่นำเงินทุนสำรองระหว่างประเทศที่มีอยู่ 2 แสนดอลล่าร์สหรัฐหรือราว 6 ล้านล้านบาทมาลงทุนพัฒนาทรัพยากร บุคลากร และเทคโนโลยีในประเทศ ดีกว่านำเงินไปลงทุนในพันธบัตรต่างประเทศที่มีความเสี่ยงสูง ซึ่งจะสร้างโอกาสให้กับประเทศมากว่า
"ประเทศไทยควรนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมในการพัฒนาวิจัยโดยเฉพาะด้านเกษตรกรรม เพื่อสร้างศักยภาพให้กับประเทศไทย เพราะที่ผ่านมาเงินลงทุนต่างชาติต่างไหลเข้าเพื่อหาแหล่งลงทุนที่สร้างประโยชน์และเม็ดเงินส่วนใหญ่เข้าสู่ประเทศแถบเอเชีย"นายธนินท์ กล่าว
นอกจากนี้ ยังเห็นว่ารัฐบาลใหม่ที่เข้ามาควรปล่อยให้ราคาสินค้าเกษตร พลังงานเป็นไปตามกลไกตลาดมากกว่าการควบคุมราคาและมีการอุดหนุนราคา เพราะเป็นการสร้างภาระให้กับรัฐบาลทำให้ต้องสูญเสียงบประมาณในการตรึงราคา ควรปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตามตลาดโลก ซึ่งก่อนหน้านี้เคยเสนอทฤษฎี 2 สูง คือปล่อยให้ราคาสินค้าเกษตรปรับขึ้นตามสภาพแวดล้อม พร้อมกับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำหรือเงินเดือนข้าราชการเพื่อให้สอดคล้องกัน เพื่อก่อให้เกิดการหมุนเวียนของกลไกลการซื้อสินค้า
นายชนินท์ กล่าวว่า ประเทศที่อยากแนะนำรัฐบาลชุดใหม่ควรเอาแบบอย่างคือ ญี่ปุ่น และสหรัฐ ซึ่งปัจจุบันประเทศดังกล่าวถึงแม้จะมีปัญหาเรื่องราคาสินค้าเกษตรสูง แต่ก็ไม่ได้รับผลกระทบกำลังซื้อของประชากร เนื่องจากประชากรต่อคนมีสัดส่วนการซื้อสินค้าเพื่อบริโภคเพียง 10-11% ต่อรายได้ 1 เดือน และมีสัดส่วนการใช้เงินเพียง 15% เป็นค่าเดินทาง ทำให้อีก 60% ที่เหลือเป็นเงินเก็บ สวนทางกับประเทศไทยที่ประชากรต่อคนมีการใช้เงินเพื่อบริโภคสูงถึง 60%
“การขึ้นราคาสินค้าจากเมื่อ 30-50 ปีราคาสินค้าการเกษตรขึ้นสูงกว่า 10 เท่าทั้งเนื้อไก่ เนื้อหมูและไข่ไก่ ขณะที่ เงินเดือนเพิ่มขึ้นน้อยกว่า และยิ่งเมื่อเทียบกับราคาน้ำมันและวัตถุดิบการผลิตที่มีการปรับขึ้นกว่า 24 เท่าในช่วงที่ผ่านมาทำให้เกิดปัญหาต้นทุนไม่สอดคล้องกับราคาขายด้วยดังนั้นเราควรปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามกลไกราคาที่แท้จริง"นายธนินท์ กล่าว
นายธนินท์ กล่าวต่อว่า หลังจากนี้เชื่อว่าสินค้าเกษตรและพลังงานจะมีการปรับตัวสูงขึ้นอีก เนื่องจากปัญหาการขาดแคลน หลังจากความต้องการประชากรเพิ่มสูงขึ้น ทั้งความต้องการบริโภคและการใช้พลังงานทดแทน จึงเป็นโอกาสของประเทศที่จะหันไปพัฒนาระบบการเกษตรเพราะไทยจัดเป็นประเทศที่เกษตรกรเก่งเป็นอันดับต้นๆของโลก จึงอยากให้รัฐบาลใหม่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาด้านทรัพยากรธรรมชาติผ่านนวัตกรรมเทคโนโลยี โดยประเทศไทยมีทรัพยากรทางด้าน ยาง , ข้าว และ กุ้งดีที่สุด ขณะเดียวกันยังมีพืชพลังงานที่ดีที่สุด อาทิ ปาล์ม อ้อย มันสำปะหลัง
นอกจาก รัฐบาลควรมุ่งเน้นสนับสนุนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่เป็นจุดเด่นของประเทศ เน้นประเทศที่มีกำลังซื้อสูง อย่าง อินเดีย และจีน แต่ทุกวันนี้เป็นที่น่าสงสัยว่าทำไมนักท่องเที่ยวถึงพากันไปท่องเที่ยวในประเทศเพื่อนบ้านแทนอาทิ สิงค์โปร์ ฮ่องกง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าเสถียรภาพการเมืองเราไม่แข็งแกรง สภานการณ์การเมืองมีความรุนแรงจึงส่งผลต่อการท่องเที่ยวไทย