ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินมองว่า จีนจำเป็นต้องผลักดันให้เงินหยวนเป็นสกุลเงินหยวนโดยเร็ว เมื่อพิจารณาจากภาวะเศรษฐกิจและการค้าที่แข็งแกร่งของจีน
หลังจากเกิดวิกฤตหนี้ในตลาดซับไพรม์ในสหรัฐ รัฐบาลจีนก็เริ่มตระหนึกถึงความเสี่ยงในการพึ่งพาการค้าขายระหว่างประเทศและกระแสเงินทุนไหลเข้าในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเมื่อพิจารณาถึงความเสี่ยงเหล่านี้แล้ว ทางการจีนก็เริ่มผลักดันเงินหยวนให้เป็นสกุลเงินสากล
ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของจีนมีอัตราการขยายตัวสูงสุดเป็นอันดับสองของโลก และการค้าระหว่างประเทศของจีนติดอันดับสูงสุดของโลกเช่นกัน ภาวะเศรษฐกิจและการค้าที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะทำให้การผลักดันเงินหยวนให้เป็นสกุลเงินสากลของจีนสะดวกขึ้น นอกจากนี้ การชำระบัญชีการค้าด้วยสกุลเงินหยวนซึ่งมีความคืบหน้าอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน จะยิ่งหนุนสกุลเงินหยวนให้มีความเป็นสากลได้เร็วยิ่งขึ้น
ในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ ยอดการชำระบัญชีการค้าระหว่างประเทศด้วยสกุลเงินหยวนพุ่งขึ้นแตะระดับ 3.603 แสนล้านหยวน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 7% ของมูลค่าการค้าระหว่างประเทศโดยรวม และตลอดปี 2553 ยอดการชำระบัญชีการค้าระหว่างประเทศด้วยสกุลเงินหยวนอยู่ที่ระดับ 5.063 แสนล้านหยวน คิดเป็นสัดส่วน 5.7% ของมูลค่าการค้าระหว่างประเทศโดยรวม
นายจาง ชุน ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินจากมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ เจียวถง กล่าวว่า "จีนน่าจะใช้เวลาประมาณ 10 ปีในการปล่อยให้เงินหยวนสามารถแปลงเป็นสกุลเงินอื่นๆได้อย่างอิสระ เศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของจีนจำเป็นจะต้องเติบโตอย่างสอดคล้องไปกับการบริการด้านการเงิน เพื่อช่วยให้ภาคธุรกิจและนักลงทุนทั่วไปสามารถเข้าไปลงทุนในต่างประเทศได้"
นายจางยังกล่าวด้วยว่า จีนจำเป็นต้องผลักดันเงินหยวนเป็นสกุลเงินสากลเมื่อพิจารณาจากระบบการเงินในปัจจุบันของจีน โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่จีนยังไม่มีการปรับอัตราดอกเบี้ยให้เป็นไปตามกลไกตลาด
อย่างไรก็ตาม ธนาคารกลางจีนได้ส่งสัญญาณหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมาว่า ธนาคารกลางจะปรับอัตราดอกเบี้ยให้เป็นไปตามกลไกตลาดมากขึ้น ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติระยะ 5 ปี (2544-2558) ฉบับที่ 12 ซึ่งท่าทีดังกล่าวบ่งชี้ว่า จีนมีความตั้งใจที่จะปฏิรูประบบการเงินเพื่อสนับสนุนเงินหยวนให้ผงาดขึ้นเป็นสกุลเงินสากล
นอกจากนี้ นายจางกล่าวว่า การผลักดันเงินหยวนให้เป็นสกุลเงินสากลจะช่วยหนุนภาคการเงินของจีนให้แข็งแกร่งขึ้นด้วย สำนักข่าวซินหัวรายงาน