นายเปล่งศักดิ์ ประกาศเภสัช นายกสมาคมการค้าปุ๋ยและธุรกิจเกษตรไทย เปิดเผยว่า แนวโน้มราคาปุ๋ยยังเป็นขาขึ้นตามสถานการณ์ราคาปุ๋ยในตลาดโลก สาเหตุหลักมาจากราคาวัตถุดิบหลักในตลาดโลก ทั้งยูเรีย ฟอสเฟส โปรแตสเซียม ราคาน้ำมันล้วนแล้วแต่ปรับตัวสูงขึ้น โดยราคายูเรีย ล่าสุดอยู่ที่ 480 เหรียญสหรัฐ/ตัน เพิ่มขึ้นจาก 420 เหรียญสหรัฐ/ตันในตอนต้นปี DAP-ฟอสเฟส ล่าสุดอยู่ที่ 670-700 เหรียญสหรัฐ/ตัน จาก 620-640 เหรียญสหรัฐ/ตัน MOP-โปรแตสเซียมอยู่ที่ 525 เหรียญสหรัฐ/ตัน จาก 400-450 เหรียญสหรัฐ/ตัน
ทั้งนี้ ราคาวัตถุดิบปุ๋ยมีการปรับขึ้นลง ผันผวนตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ราคาน้ำมัน อัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา ราคาของผลผลิตทางการเกษตร สภาพดินฟ้าอากาศ อัตราภาษีส่งออกของประเทศผู้ผลิต และกลไกตลาดต่างๆ เนื่องจากเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ การซื้อ/ขายจะมีทั้งกำไรและขาดทุน ในบางจังหวะ บางช่วง ขึ้นอยู่กับความผันผวนมากหรือน้อย ผู้ประกอบการจำเป็นต้องหากลยุทธ์ต่างๆออกมาใช้เพื่อให้สินค้าปุ๋ยของตนได้เปรียบทางการแข่งขันตามกลไกตลาด
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ทำให้ความต้องการผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพเติบโตอย่างต่อเนื่อง พืชอาหารบางชนิดก็ถูกดึงไปใช้ผลิตพลังงานทดแทน เช่น เอทานอล และไบโอดีเซล
"ราคาปุ๋ยเคมีวันนี้ไม่ได้แพง แต่มันเป็นภาวะตลาดโลก ดินฟ้าอากาศแปรปรวนตลอดเวลา ผลผลิตทางการเกษตรทั่วโลกลดลง ปริมาณอาหารในโลกมีไม่เพียงพอ ทำให้ต้องเร่งการเพาะปลูกเพื่อเพิ่มปริมาณสำรองทางด้านอาหารส่งผลให้ราคาปุ๋ยในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ก็ถือว่าราคาปุ๋ยกับราคาธัญพืชปรับตัวสูงขึ้นในทิศทางเดียวกัน พูดง่ายๆคือ ตอนนี้ทั้งพืชอาหารและพืชพลังงานมีความต้องการสูงขึ้น ทำให้ความต้องการใช้ปุ๋ยสูงขึ้นตามไปด้วย"
ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ประเมินความต้องการใช้ปุ๋ยปี 54 สูงขึ้นเป็น 5.4 ล้านตัน จากปี 53 ที่ความต้องการอยู่ที่ 5.2 ล้านตัน
ดังนั้น อยากเสนอแนะให้รัฐบาลปล่อยให้ราคาปุ๋ยเป็นไปตามกลไกตลาด แทนที่จะควบคุมราคาอย่างในปัจจุบัน ซึ่งจะทำให้แรงกดดันจากสถานการณ์ราคาปุ๋ยผ่อนคลายลง และการพัฒนาภาคการเกษตรจะดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
นายเปล่งศักดิ์ กล่าวว่า ทุกวันนี้ทำให้ผู้ประกอบการต้องแบกรับภาระ เนื่องจากปุ๋ยเป็นสินค้าควบคุม ผู้ประกอบการไม่สามารถปรับราคาขึ้นลงได้เองตามราคาต้นทุน
ปัจจุบันรัฐบาลควบคุมราคาปุ๋ยไว้ที่ 14,200 บาท/ตัน ทั้งที่ในความเป็นจริงราคาต้นทุนวัตถุดิบ ราคาน้ำมัน บวกค่าขนส่งแล้ว ราคาแท้จริงอยู่ที่ 15,700-15,800 บาท/ตัน
"นโยบายราคาควบคุมไม่สามารถใช้ได้กับสินค้าที่ขึ้นลงตามกลไกตลาดโลก เช่น ปุ๋ย แต่ผู้ประกอบการปุ๋ยก็ปฏิบัติตามนโยบายราคาตั้งแต่เดือน ก.ย.53 และ ณ ขณะนี้ไม่มีความสามารถทนต่อการขาดทุนได้ เนื่องจากกลไกการคำนวณราคาควบคุมไม่เหมาะสมกับสภาวะต้นทุนจริงในปัจจุบัน"
นายเปล่งศักดิ์ กล่าวว่า การควบคุมราคาจะกระทบต่อต้นทุนและความสามารถในการแข่งขันทั้งในและต่างประเทศได้ และผู้ประกอบการจำเป็นต้องลดการนำเข้าลง ซึ่งจะส่งผลต่อโครงการปุ๋ยลดต้นทุนของรัฐบาลที่อาจไม่สามารถทำได้ เพราะว่ามีปริมาณปุ๋ยไม่เพียงพอ
กระทรวงพาณิชย์สำรวจสต็อกปุ๋ยในเดือนมิ.ย.พบว่า ปริมาณปุ๋ยเดือนมิถุนายนในคลังสินค้ามีไม่ถึง 2 แสนตัน ขณะที่ความต้องการใช้ที่มีมากถึงกว่า 7 แสนตัน
นายกสมาคมผู้ค้าปุ๋ย กล่าวถึงโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ปุ๋ย ด้วยการใช้ปุ๋ยเคมีแบบสั่งตัดเป็นเรื่องที่ดี เพราะการใช้ปุ๋ยที่เหมาะสมกับสภาพดินและชนิดพืชจะทำให้เกษตรกรสามารถลดต้นทุนการใช้ปุ๋ยได้อย่างมาก ขณะที่ผลผลิตต่อไร่จะเพิ่มสูงขึ้น ทำให้เกษตรกรมีรายได้มากขึ้น ซึ่งปุ๋ยสั่งตัดสามารถใช้ได้กับพืชทุกชนิด ทั้งข้าว ข้าวโพด อ้อย ยางพารา
"ถือว่าโครงการปุ๋ยสั่งตัดเป็นโครงการที่ดี แต่น่าเสียดายที่ออกมาในช่วงปลายรัฐบาล ทำให้การดำเนินการยังทำได้ไม่เต็มที่ ซึ่งเชื่อว่าหลังการเลือกตั้งไม่ว่าใครจะได้เป็นรัฐบาลโครงการนี้น่าจะยังอยู่ ไม่น่ามีการปรับเปลี่ยนหรือชะลอโครงการ เนื่องจากเป็นโครงการที่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่เกษตรกรอย่างแท้จริงๆ"นายเปล่งศักดิ์ กล่าว