ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ยูโรร่วงเทียบดอลล์ เหตุวิตกปัญหาหนี้กรีซ

ข่าวต่างประเทศ Saturday June 11, 2011 08:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ค่าเงินยูโรร่วงลงติดต่อกัน 3 วันทำการเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (10 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับความสามารถของกรีซในการจัดการกับปัญหาหนี้ แม้มีรายงานว่ารัฐสภาเยอรมนีเห็นชอบกับข้อเสนอการให้ความช่วยเหลือทางการเงินครั้งใหม่ต่อกรีซแล้วก็ตาม

ค่าเงินยูโรดิ่งลง 1.13% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.4344 ยูโร จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 1.4508 ยูโร ขณะที่เงินปอนด์อ่อนตัวลง 0.87% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.6224 ปอนด์ จากระดับ 1.6367 ปอนด์

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐขยับขึ้น 0.04% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 80.320 เยน จากระดับ 80.290 เยน และดีดตัวขึ้น 0.26% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.8432 ฟรังค์ จากระดับ 0.8410 ฟรังค์

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.92% แตะที่ 1.0530 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0628 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลง 0.59% แตะที่ 0.8206 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8255 ดอลลาร์สหรัฐ

สกุลเงินยูโรยังคงได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับปัญหนี้กรีซ แม้รัฐสภเยอรมนีลงมติให้ความเห็นชอบต่อญัตติของพรรคร่วมรัฐบาล

นักลงทุนไม่มั่นใจว่ารัฐบาลกรีซจะสามารถจัดการกับปัญหาหนี้ได้หรือไม่ ขณะที่นายกรัฐมนตรีจอร์จ ปาปันเดรอูของกรีซ ประกาศว่าจะเริ่มต้นผลักดันมาตรการรัดเข็มขัดระยะหลายปี เพื่อแลกกับมาตรการให้ความช่วยเหลือทางการเงินรอบใหม่ แต่สมาชิกบางคนในพรรคการเมืองของนายปาปันเดรอูเริ่มแสดงความกังวลต่อการปรับลดงบประมาณติดต่อกันหลายครั้ง ซึ่งเป็นสิ่งที่กรีซจำเป็นต้องทำ ภายใต้ข้อตกลงที่ทำไว้กับสหภาพยุโรป (อียู) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ)

นอกจากนี้มีรายงานว่า ชาวกรีซอย่างน้อย 80,000 คนได้พากันมาชุมนุมที่จัตุรัสใจกลางกรุงเอเธนส์เมื่อวานนี้ เพื่อแสดงความไม่พอใจต่อวิกฤตการคลังในประเทศ

ทั้งนี อียูและไอเอ็มเอฟเตือนว่า กรีซจะได้รับการช่วยเหลือทางการเงินครั้งใหม่ก็ต่อเมื่อรัฐบาลกรีซรักษาสัญญาเรื่องการออกมาตรการรัดเข็มขัดเพิ่มเติม และการเร่งรัดการแปรรูปวิสาหกิจเป็นเอกชน โดยมาตรการให้ความช่วยเหลือครั้งใหม่นี้ จะนำมาใช้แทนที่มาตรการให้ความช่วยเหลือทางการเงินรอบแรกที่มีวงเงิน 1.10 แสนล้านยูโร ที่บรรลุข้อตกลงในปีก่อน

กระทรวงการคลังสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลสหรัฐเพิ่มขึ้น 42.7% ในเดือนพ.ค. สู่ระดับ 5.76 หมื่นล้านดอลลาร์ แต่ตัวเลขดังกล่าวน้อกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ 1.400 แสนล้านดอลลาร์ ส่วนในช่วง 8 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2554 (เริ่มคำนวณตั้งแต่เดือนต.ค. 2553) ยอดขาดดุลงบประมาณของสหรัฐมีอยู่ทั้งสิ้น 9.274 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งน้อยกว่าระดับของปีงบประมาณ 2553 ที่มีอยู่สูงถึง 1.29 ล้านล้านดอลลาร์

ค่าเงินปอนด์ร่วงลงหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษรายงานว่า ภาคการผลิตภายในหดตัวลง 1.5% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน ซึ่งลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2552 ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะหดตัวลงเพียง 0.1%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ