นางวิวรรณ บุณยประทีปรัตน์ เลขาธิการสมาคมปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.)ที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ ไปจัดทำโครงสร้างราคาน้ำมันปาล์มทั้งระบบที่เหมาะสม ทั้งในส่วนของภาคเกษตรกรที่จะได้รับ ตลอดจนในส่วนของโรงสกัด โรงกลั่น รวมถึงราคาน้ำมันปาล์มดิบในตลาดโลก
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์จะเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้งหลังจากวันที่ 30 มิ.ย.ไปแล้ว โดยในระหว่างนี้โครงการจ่ายชดเชยราคาน้ำมันปาล์มที่ 4 หมื่นตัน/เดือนจะยังมีอยู่ไปจนถึงสิ้นเดือนนี้
นางวิวรรณ กล่าวว่า ปัญหาที่สำคัญในขณะนี้คือปริมาณความต้องการน้ำมันปาล์มเพื่อการบริโภคเริ่มลดลงและมีสัญญาณว่า น้ำมันปาล์มดิบอาจจะเริ่มล้นตลาดในช่วงเดือนต.ค.ที่ปริมาณผลผลิตปาล์มจะออกสู่ตลาดมากอีกครั้งในช่วงนั้น โดยล่าสุดปริมาณ สต๊อคน้ำมันปาล์มดิบ ณ สิ้นเดือน พ.ค.อยู่ที่ 2.2 แสนตัน
ดังนั้น จึงต้องการขอความชัดเจนจากภาครัฐโดยเฉพาะกระทรวงพลังงานในการดูดซับปริมารน้ำมันปาล์มดิบ โดยการให้มีนโยบายปรับสูตรการผลิตไบโอดีเซลจาก บี 3 มาเป็น บี 4 หรือ บี 5 ด้วยการขอความร่วมมือจากผู้ผลิตไบโอดีเซลให้ช่วยดูดซับน้ำมันปาล์มดิบเดือนละ 5 หมื่นตัน
อย่างไรก็ดี การใช้สูตรไบโอดีเซลที่มีส่วนผสมของน้ำมันปาล์มดิบเพิ่มมากขึ้นนั้น จะทำให้ผู้ผลิตไบโอดีเซลได้รับค่าการตลาดน้อยลง ซึ่งไม่เป็นแรงจูงใจให้ผู้ผลิตอยากจะปรับเป็นสูตร บี 4 หรือ บี 5 ได้ และหากเป็นเช่นนี้อาจทำให้ต้องเพิ่มเงินอุดหนุนมากขึ้น ในขณะที่นายสุเทพ มีความเป็นห่วงว่า การเพิ่มวงเงินอุดหนุนจะส่งผลกระทบต่อสถานะของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงได้
ด้านนายสมชาย ประชาบุตร รองผู้จัดการชุมนุมสหกรณ์สวนปาล์มน้ำมัน จ.กระบี่ กล่าวว่า สถานการณ์ขณะนี้ถือว่าน่าเห็นใจโรงสกัด เพราะต้องรับซื้อปาล์มในราคาที่รัฐบาลกำหนดไว้ แต่กลับไม่สามารถขายได้ในราคาที่รัฐบาลกำหนด ดังนั้น สิ่งที่จะช่วยแก้ปัญหาได้ คือการเพิ่มปริมาณการใช้น้ำมันปาล์มในภาคของพลังงานให้มากขึ้น เพราะความต้องการในภาคของการบริโภคเริ่มลดลงแล้ว จากก่อนหน้านี้ที่ประชาชนแห่สต๊อคน้ำมันปาล์มบรรจุขวดมาเก็บไว้เพราะเกรงปัญหาขาดแคลน จึงส่งผลให้ปัจจุบันแรงซื้อในภาคการบริโภคยังไม่กลับมาอยู่ในระดับปกติ ซึ่งช่องทางเดียวที่พอจะช่วยได้ คือการระบายน้ำมันปาล์มดิบไปในภาคพลังงานให้มากขึ้น