เว็บไซต์ของศูนย์กลางการค้าน้ำมันและธัญพืชแห่งชาติของจีนรายงานว่า จีนไม่ประสบความสำเร็จในการขายถั่วเหลืองจำนวน 300,000 ตัน ที่นำออกมาประมูลขายจากสต็อกสำรองของรัฐบาลเมื่อวานนี้ หลังจากที่ไม่ประสบความสำเร็จในการประมูลหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ราคาเสนอซื้อขั้นต่ำกำหนดไว้ที่ 3,960 หยวน/ตัน ซึ่งเป็นราคาที่เกือบไม่มีกำไรเมื่อเทียบกับราคารับซื้อในแหล่งเพาะปลูกที่สำคัญๆ ที่ 3,820-3,840 หยวน/ตัน และราคานำเข้าที่ 3,960-4,000 หยวน/ตัน
ถึงแม้ว่าความต้องการอาหารที่ปรุงจากถั่วเหลืองจะเริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ แต่ตลาดถั่วเหลืองภายในประเทศยังคงอ่อนแรงลงท่ามกลางความไม่แน่นอนของนโยบายการรับซื้อเรพซี้ด รวมทั้งการขยายระยะเวลานโยบายกำหนดเพดานราคาสำหรับน้ำมันปรุงอาหารของรัฐบาล
-- กระทรวงพาณิชย์ของจีนรายงานว่า ราคาผลิตภัณฑ์เกษตรของจีนยังมีเสถียรภาพในสัปดาห์ที่ผ่านมา (30 พฤษภาคม - 5 มิถุนายน)
รายงานของกระทรวงระบุว่า ราคาผักต่างๆ ยังคงปรับตัวลดลงเนื่องจากมีอุปทานในตลาดจำนวนมาก โดยราคาค้าส่งผัก 18 รายการ ปรับตัวลดลง 6.9% และลดลงในระหว่างสัปดาห์ถึง 1.9% ส่วนการบริโภคเนื้อสัตว์ได้ลดลงตามสภาพอากาศที่ร้อนขึ้น โดยราคาเนื้อสัตว์และไก่ลดลง 1.6% และ 0.1% ตามลำดับ ในขณะที่เนื้อวัวและเนื้อแกะลดลง 0.2% และ 0.1% ส่วนราคาไข่เพิ่มขึ้น 1.5% เนื่องจากเป็นฤดูกาลที่ผลผลิตลดลง
ทั้งนี้ ราคาอาหารมีสัดส่วนถึง 1 ใน 3 ในการคำนวณดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สำคัญของจีน ซึ่งเพิ่มขึ้น 5.5% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนพฤษภาคม และทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551
-- เว็บไซต์ของกระทรวงเกษตรของจีนรายงานว่า จีนได้เร่งทำการเก็บเกี่ยวข้าวสาลีโดยใช้เครื่องจักรมากขึ้น
ข้อมูลสถิติของกระทรวงฯ บ่งชี้ว่า ณ วันจันทร์ที่ผ่านมา จีนเก็บเกี่ยวข้าวสาลีที่เพาะปลูกในช่วงฤดูหนาวเสร็จสิ้นไปแล้ว 15.2 ล้านเฮคตาร์ โดยในวันจันทร์เพียงวันเดียว มีการใช้เครื่องจักรในการเก็บเกี่ยวถึง 276,000 เครื่อง สามารถเก็บเกี่ยวข้าวสาลีได้ 1.11 ล้านเฮคตาร์ ซึ่งเป็นสถิติต่อวันที่สูงที่สุดในปีนี้
-- นักวิเคราะห์คาดว่า ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ของจีนอาจขยายตัวช้าลงในช่วงต่อไปจากนี้ เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากการปรับขึ้นเพดานกันสำรองเงินฝากของธนาคารกลาง และความเป็นไปได้ในการใช้มาตรการที่เข้มงวดมากขึ้นเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
ทั้งนี้ การใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดอย่างต่อเนื่อง โดยมีจุดประสงค์เพื่อดูดซับสภาพคล่อง คาดว่า จะทำให้อุปสงค์สินค้าโภคภัณฑ์ที่สำคัญลดลงและกดดันราคาให้ปรับตัวลง ในขณะเดียวกัน เนื่องจากต้นทุนทางการเงินของธุรกิจเพิ่มขึ้นตามการคุมเข้มทางการเงิน ตลาดคงจะคาดการณ์ถึงการชะลอตัวลงของอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจและสถานการณ์ดังกล่าวอาจช่วยคลายความร้อนแรงในตลาดทุน
ทั้งนี้ ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ภายในประเทศ ซึ่งถูกมองว่าการซื้อขายได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาในระยะหนึ่ง อาจจะปรับฐานอย่างต่อเนื่องในช่วงต่อไปจากนี้ สำนักข่าวซินหัวรายงาน