นายพรายพล คุ้มทรัพย์ อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ระบุว่า แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายยังมีโอกาสจะทยอยปรับขึ้นอีกแบบค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากหากเทียบอัตราดอกเบี้ยนโยบายปัจจุบันที่ระดับ 3% ยังถือว่าต่ำกว่าระดับอัตราเงินเฟ้อซึ่งอยู่ที่ 3-4%
ทั้งนี้คาดการณ์ว่า สิ้นปีนี้อัตราดอกเบี้ยนโยบายคงจะปรับขึ้นไปอยู่ระดับประมาณ 3.5% เนื่องจากไตรมาส 3-4 นี้ อัตราเงินเฟ้อยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง ส่วนต้นปี 55 อัตราเงินเฟ้อจะเริ่มปรับตัวลดลงได้ตามฐานที่สูงในปีนี้
นายพรายพล มองว่า ปัญหาความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ตลอดจนปัญหาหนี้สาธารณะในสหภาพยุโรป โดยเฉพาะกรีซ ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงสำหรับเศรษฐกิจไทยที่ต้องจับตามอง เพราะอาจส่งกระทบต่อเศรษฐกิจโลกให้ชะลอตัวลง ทำให้การส่งออกของไทยลดลงตามไปด้วย ประกอบกับกระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายที่จะมีความผันผวนและรุนแรงขึ้น ซึ่งหากมีเงินไหลเข้าประเทศจำนวนมากก็จะกระทบกับค่าเงินบาทและอัตราเงินเฟ้อภายในประเทศได้
ขณะเดียวกัน ยังต้องจับตาปัจจัยภายในประเทศโดยเฉพาะการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งนโยบายประชานิยมของพรรคการเมืองต่างๆ ต้องดูว่าจะนำเงินมาจากแหล่งใด และการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ แม้จะมีความเหมาะสม แต่หากปรับขึ้นมากเกินไปก็อาจทำให้ผู้ประกอบการเดือดร้อนแล้วหันไปจ้างแรงงานต่างด้าว หรือผลักภาระโดยการปรับขึ้นราคาสินค้า ซึ่งจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อเร่งตัวสูงขึ้นได้อีก