ค่าเงินยูโรร่วงลงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิส ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (16 มิ.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ของกรีซได้กระตุ้นให้นักลงทุนกระหน่ำขายยูโรและหันมาถือครองสกุลเงินฟรังค์ซึ่งมีความปลอดภัย โดยจนถึงขณะนี้ กรีซยังคงเผชิญกับทั้งแรงกดดันทางการเงินและการเมือง หลังจากประชาชนชาวกรีซจำนวนมากได้ออกมาต่อต้านมาตรการรัดเข็มขัดของรัฐบาล ขณะที่รมว.คลังยูโรโซนก็ยังไม่สามารถตกลงกันได้ในเรื่องการมาตรการช่วยเหลือกรีซครั้งใหม่
ค่าเงินยูโรดิ่งลง 0.37% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 1.2046 ฟรังค์ จากระดับของวันพุธที่ 1.2091 ฟรังค์ แต่ยูโรดีดตัวขึ้น 0.14% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.4186 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.4166 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.48% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 80.640 เยน จากระดับ 81.030 เยน และดิ่งลง 0.53% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.8488 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8533 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนตัวลง 0.18% แตะที่ 1.0545 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0564 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลง 0.15% แตะที่ 0.8036 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8048 ดอลลาร์สหรัฐ
สกุลเงินยูโรร่วงลงอย่างหนักเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสเนื่องจากความกังวลที่ว่า ปัญหาหนี้สินของกรีซได้ทวีความรุนแรงจนกลายเป็นวิกฤตการณ์ทางการเมือง และมีความเป็นไปได้มากขึ้นว่ากรีซจะเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นายจอร์จ ปาปันเดรอู นายกรัฐมนตรีกรีซพยายามทำข้อตกลงกับพรรคฝ่ายค้านเมื่อวานนี้ โดยมีเป้าหมายที่จะเพื่อผลักดันมาตรการรัดเข็มขัดให้มีความคืบหน้ามากพอที่จะขอรับความช่วยเหลือครั้งใหม่จากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และสหภาพยุโรป (อียู) แม้มาตรการดังกล่าวส่งผลให้ชาวกรีซนับหมื่นคนออกมาชุมนุมประท้วงตามท้องถนนในกรุงเอเธนส์ และเกิดการปะทะกันระหว่างกลุ่มผู้ประท้วงปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ตาม
ค่าเงินยูโรร่วงลงอย่างหนักนับตั้งแต่ประชุมรัฐมนตรีคลังของประเทศยูโรโซนไม่สามารถตกลงกันได้เรื่องข้อสรุปในแผนการช่วยเหลือทางการเงินครั้งใหม่สำหรับกรีซ ในการประชุมฉุกเฉินซึ่งจัดขึ้นที่กรุงบรัสเซลส์เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โดยที่ประชุมยังถกเถียงกันเรื่องขอบเขตการดึงภาคเอกชนให้เข้ามามีส่วนร่วมในการช่วยเหลือกรีซเพิ่มเติม
ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐยังคงได้รับแรงกดดันหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขดุลบัญชีเดินสะพัดประจำไตรมาสแรกปีนี้ เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.193 แสนล้านดอลลาร์ แต่ยังน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าตัวเลขดังกล่าวจะอยู่ที่ 1.260 แสนล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ สหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 11 มิ.ย. ร่วงลง 16,000 ราย สู่ระดับ 414,000 ราย มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 420,000 ราย และตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 3.5% ต่อปี สู่ระดับ 560,000 ยูนิต มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 540,000 ยูนิต
นักลงทุนในตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในคืนนี้ รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนมิ.ย.และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนพ.ค.