ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (17 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนมีความหวังต่อแผนการช่วยเหลือกรีซครั้งใหม่ ขณะที่การรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐที่ร่วงหนักเกินคาดส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง
ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้น 0.65% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.4303 ดอลลาร์ จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 1.4210 ดอลลาร์ และเงินปอนด์แข็งค่าขึ้น 0.17% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.6187 ดอลลาร์ จากระดับ 1.6160 ดอลลาร์
เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง 0.74% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 80.000 เยนต่อดอลลาร์ จากระดับ 80.600 เยนต่อดอลลาร์ แต่แข็งค่าขึ้น 0.15% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.8489 ฟรังค์ จากระดับ 0.8476 ฟรังค์
เงินยูโรแข็งค่าขึ้นขานรับความคืบหน้าที่มีต่อแผนการช่วยเหลือกรีซครั้งใหม่ โดยเยอรมนียอมผ่อนปรนข้อบังคับด้านการให้ความช่วยเหลือกรีซ ขณะที่นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนีกล่าวว่า โครงการช่วยเหลือครั้งใหม่จำเป็นต่อกรีซ และการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนในโครงการนี้ควรเป็นไปด้วยความสมัครใจ
ขณะเดียวกัน ความเคลื่อนไหวของกรีซกรณีที่นายจอร์จ ปาปันเดรอู นายกรัฐมนตรีกรีซแต่งตั้งรมว.คลังคนใหม่เพื่อผ่านมาตรการรัดเข็มขัดที่จำเป็นต่อการทำให้กรีซรอดพ้นจากการผิดนัดชำระหนี้ยังเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนให้เงินยูโรแข็งค่าขึ้นด้วย
ด้านเงินดอลลาร์เผชิญกับปัจจัยลบหลังจากที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐมาอยู่ที่ระดับ 2.5% ในปีนี้ จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ 2.8% และลดคาดการณ์เศรษฐกิจปีหน้าลงสู่ระดับ 2.7% จากระดับ 2.9%
นอกจากนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐจากธอมสันรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนร่วงลงหนักเกินคาดมาอยู่ที่ระดับ 71.8 จุดในเดือนมิถุนายน ซึ่งข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าวส่งผลให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง