บริษัท โตเกียว อิเล็กทริก เพาเวอร์ โค (เทปโก) ซึ่งเป็นผู้บริหารโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกุชิม่า ไดอิจิ ได้ร้องขอให้ธนาคารพาณิชย์ที่เป็นเจ้าหนี้ของเทปโก ช่วยตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ไว้ที่ระดับต่ำ
สำนักข่าวเกียวโดรายงานโดยอ้างการเปิดเผยของแหล่งข่าวว่า เป็นที่คาดการณ์กันว่าธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ ซึ่งรวมถึงซูมิโตโม มิตซุย แบงกิ้ง คอร์ป ซึ่งเป็นผู้ปล่อยเงินกู้รายใหญ่ของเทปโก จะให้ความช่วยเหลือเทปโกในการเร่งสร้างเสถียรภาพด้านการส่งไฟฟ้า ขณะที่ทางบริษัทกำลังประสบกับความยากลำบากในการรับมือกับภาวะขาดแคลนพลังงานซึ่งเป็นผลมาจากความเสียหายของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกุชิม่า
ทั้งนี้ ธนาคารเจ้าหนี้รายใหญ่ได้ตกลงกันแล้วที่จะเข้าซื้อตราสารหนี้ระยะสั้นชุดใหม่ของเทปโกหลังจากตราสารหนี้ชุดที่ถืออยู่ครบกำหนดไถ่ถอน และธนาคารจะดำเนินการในลักษะเดียวกันนี้สำหรับเงินกู้ประเภทอื่นๆที่จะครบกำหนดชำระในอนาคตอันใกล้นี้ โดยคาดว่า ธนาคารจะผ่อนปรนเงื่อนไขการชำระหนี้ให้กับเทปโก ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า 1% ต่อปี
เทปโกได้กู้ยืมเงินจากเมกกาแบงก์ หรือธนาคารยักษ์ใหญ่หลายแห่งของญี่ปุ่น รวมถึงซูมิโตโม มิตซุย, แบงก์ ออฟ โตเกียว-มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ และมิซูโฮ คอร์ปอเรท แบงก์ รวมทั้งสถาบันการเงินอื่นๆ เป็นวงเงินรวมกันราว 4 ล้านล้านเยน เพื่อใช้ในการกอบกู้วิกฤตนิวเคลียร์ อย่างไรก็ตาม คาดว่าปริมาณเงินสดหมุนเวียนของเทปโกจะหมดลงในวันที่ 31 มี.ค.ปีหน้า แม้ว่าเทปโกยังไม่ได้จ่ายเงินชดเชยให้กับประชาชนที่อาศัยใกล้กับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกุชิม่าก็ตาม
สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือรายใหญ่ เช่นมูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส และสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของเทปโก ซึ่งทำให้เทปโกประสบกับความยากลำบากมากขึ้นในการระดมทุนเงินทุนในตลาดตราสารหนี้ และทำให้เทปโกแทบจะไม่มีทางเลือกอื่นๆ นอกจากการกู้ยืมเงินจากธนาคารซึ่งเป็นเจ้าหนี้