รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง แจ้งว่า ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ร่วมกันพิจารณาหาแนวทางในการแบ่งเบาภาระดอกเบี้ยเงินกู้ส่วนบุคคล โดยการจัดทำโครงการรีไฟแนนส์สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้ Non-Bank ให้กับผู้ที่มีประวัติการชำระหนี้ดี เพื่อให้โครงการลดภาระดอกเบี้ยครอบคลุมถึงประชาชนระดับฐานรากได้ทั่วถึงมากยิ่งขึ้น ซึ่งธนาคารทั้ง 3 แห่ง จะเปิดตัวโครงการในวันที่ 24 มิ.ย.54
สำหรับการดำเนินโครงการลดภาระดอกเบี้ยบัตรเครดิต โดยการออกสินเชื่อรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระดอกเบี้ยจ่ายแก่ผู้ที่มีหนี้บัตรเครดิตและมีประวัติการชำระดี ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.-17 มิ.ย.54 พบว่ามีผู้มายื่นขอสินเชื่อกับธนาคารทั้ง 3 แห่ง เป็นจำนวน 10,119 ราย วงเงินรวมประมาณ 1,265 ล้านบาท และมีการอนุมัติสินเชื่อแล้ว 1,126 ราย วงเงินประมาณ 122 ล้านบาท
เนื่องจากการดำเนินโครงการดังกล่าวยังอยู่ในระยะเริ่มต้น จึงมีบางสาขาของธนาคารบางแห่งมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนในหลักการและแนวปฏิบัติของโครงการ ทำให้ลูกหนี้ที่มีศักยภาพบางส่วนไม่สามารถเข้าร่วมโครงการได้ ดังนั้น ธนาคารในโครงการดังกล่าวจึงได้ร่วมกันหารือเพื่อปรับความเข้าใจให้ตรงกัน รวมทั้งหาแนวทางแก้ไขปัญหาและอุปสรรคที่ผ่านมา โดนมีผู้แทนกระทรวงการคลังเข้าร่วมฟังการหารือด้วย ซึ่งได้ข้อสรุป ดังนี้
1. ผู้ขอสินเชื่อที่มีสถานะสินเชื่อเป็นปกติตามข้อมูลเครดิตตั้งแต่วันที่ 30 เม.ย.54 จนถึงวันที่ยื่นขอกู้ สามารถรีไฟแนนซ์ได้ในวงเงินไม่เกิน 300,000 บาท ซึ่งธนาคารจะพิจารณาจากเอกสารแจ้งยอดเงินเดือนสำหรับผู้มีเงินเดือนประจำ และการเคลื่อนไหวของเงินฝากหรือหลักฐานอื่น ๆ ที่สามารถยืนยันแหล่งที่มาของรายได้สำหรับผู้มีอาชีพอิสระ และหากผู้ขอสินเชื่อมีหนี้บัตรเครดิตหลายใบและยอดหนี้เกิน 300,000 บาท จะมีสิทธิเลือกรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตบางใบได้
2. กรณีที่ผู้ขอสินเชื่อมีอายุเกิน 60 ปี ธนาคารอาจพิจารณาให้มีการค้ำประกันส่วนบุคคล
3. ธนาคารทั้ง 3 แห่ง ตกลงจะเร่งทำความเข้าใจในหลักการของโครงการกับทุกสาขาทั่วประเทศ เพื่อให้สามารถบริการประชาชนและบรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังเห็นว่าโครงการทั้ง 2 ดังกล่าวข้างต้น เป็นทางเลือกให้ลูกหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลที่มีวินัยทางการเงินดีมีทางเลือกลดภาระการจ่ายดอกเบี้ยในแต่ละเดือนโดยไม่ได้เพิ่มความเสี่ยงแก่ธนาคาร เนื่องจากธนาคารที่ให้สินเชื่อยังคงต้องพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ขอสินเชื่อเป็นหลัก และในอนาคตเมื่อเป็นลูกหนี้ที่ดี มีกำลังในการชำระเงินกู้มากขึ้น ธนาคารก็จะพิจารณาให้สินเชื่อต่อยอดได้อีกด้วย
หลังจากที่ได้เริ่มโครงการแล้วได้ส่งผลให้ผู้ประกอบการบัตรเครดิตรวมถึงผู้ประกอบการสินเชื่อส่วนบุคคลพิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยแก่ลูกหนี้ที่ชำระเงินตรงต่อเวลา ซึ่งเป็นไปตามหลักการของโครงการดังกล่าวในการกระตุ้นให้ผู้ประกอบการบัตรเครดิตรวมถึงผู้ประกอบการสินเชื่อส่วนบุคคลพิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยให้แก่ลูกค้าที่ดี