ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) ที่ระดับ 0-0.25 % ในการประชุมระยะเวลา 2 วันซึ่งเสร็จสิ้นเมื่อวานนี้ (22 มิ.ย.) พร้อมกับยืนยันว่าจะยุติมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสอง (QE2) หรือโครงการซื้อพันธบัตรมูลค่า 6 แสนล้านดอลลาร์ ในวันที่ 30 มิ.ย.ตามแผนการที่วางไว้ นอกจากนี้ เฟดยังได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐทั้งในปีนี้และปีหน้า
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) ได้ออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุมว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังคงฟื้นตัวในระดับปานกลาง แต่เศรษฐกิจในบางช่วงก็ฟื้นตัวช้ากว่าที่คณะกรรมการเอฟโอเอ็มซีคาดการณ์ไว้ เนื่องจากผลกระทบของราคาอาหารและพลังงานที่สูงขึ้น รวมทั้งผลกระทบที่เกิดขึ้นกับห่วงโซ่อุปทานซึ่งเป็นผลมาจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิในญี่ปุ่นเมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา แต่ถึงกระนั้นก็ตาม เฟดมองว่าภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้าลงเช่นนี้จะเกิดขึ้นในระยะเวลาสั้นๆเท่านั้น
ทั้งนี้ คณะกรรมการเอฟโอเอ็มซีคาดว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายนประเทศ (เฟด) ที่แท้จริง จะขยายตัว 2.7-2.9% ในปี 2554 ซึ่งลดลงจากที่คาดการณ์ไว้ในการประชุมเดือนเม.ย.ว่าจะขยายตัว 3.1-3.3% และคาดว่าจีดีพีที่แจ้งจริงในปี 2555 จะขยายตัว 3.3-3.7% ลดลงจากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะขยายตัว 3.5-4.2%
ในด้านตลาดแรงงานนั้น เฟดระบุว่ามีสัญญาณบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานของหรัฐ "อ่อนแอมากกว่าที่คาดการณ์ไว้" ขณะที่ตัวเลขการใช้จ่ายภาคครัวเรือนและการลงทุนในอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ รวมทั้งการลงทุนด้านซอฟท์แวร์ "ยังคงมีการขยายตัว" ทั้งนี้ เฟดคาดว่าอัตราว่างงานโดยเฉลี่ยในสหรัฐจะอยู่ที่ 8.6-8.9% ซึ่งตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 8.4-8.7%
ส่วนในด้านเงินเฟ้อนั้น เฟดกล่าวว่า แม้อัตราเงินเฟ้อปรับตัวขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาเนื่องจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่สูงขึ้น แต่การคาดการณ์เงินเฟ้อในระยะยาว "ยังคงมีเสถียรภาพ"
นอกจากนี้ แถลงการณ์ของเฟดระบุว่า คณะกรรมการเอฟโอเอ็มซีมีมติเห็นชอบให้ยุติมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสอง (QE2) หรือโครงการซื้อพันธบัตรมูลค่า 6 แสนล้านดอลลาร์ ในวันที่ 30 มิ.ย.ตามแผนการที่วางไว้ พร้อมระบุว่า เฟดจะคงนโยบายการเงินแบบผ่อนปรนต่อไปอีกระยะหนึ่ง เพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ พร้อมกับย้ำว่าจะนำเงินต้นที่ได้จากการถือครองพันธบัตรไปลงทุนต่อ
ทั้งนี้ คณะกรรมการเอฟโอเอ็มซีมีมติให้ใช้มาตรการ QE2 ในการประชุมเมื่อวันที่ 3 พ.ย.ปี 2553 ซึ่งเป็นการทยอยซื้อพันธบัตรในสัดส่วน 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือนไปจนถึงเดือนมิ.ย. 2554 โดยเฟดย้ำว่ามาตรการ QE2 จะช่วยกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐและลดภาวะตึงตัวในระบบการเงินได้ และหากเศรษฐกิจเผชิญกับภาวะสภาพคล่องส่วนเกินในวันข้างหน้า เฟดก็มีเครื่องมือที่พร้อมจะดูดซับสภาพคล่องออกจากระบบในเวลาที่เหมาะสม
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า การประชุมเฟดครั้งต่อไปจะมีขึ้นในวันที่ 9 ส.ค.นี้