Analysis: นักวิเคราะห์จับตาทิศทางราคาน้ำมันหลัง IEA ระบายคลังสำรอง

ข่าวต่างประเทศ Friday June 24, 2011 15:20 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (23 มิ.ย.) หลังจากสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ประกาศว่าจะระบายน้ำมันดิบออกจากคลังยุทธภัณฑ์สำรองเป็นครั้งที่ 3 ในประวัติศาสตร์ เพื่อสกัดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในตลาด

แถลงการณ์ของ IEA ระบุว่า ประเทศสมาชิกของ IEA จำนวน 28 ประเทศมีมติเห็นชอบให้ระบายน้ำมันดิบ 60 ล้านบาร์เรลออกจากคลังภายในระยะเวลา 30 วัน เพื่อชดเชยอุปทานในตลาดที่หดหายไปอันเนื่องมาจากภาวะติดขัดด้านการผลิตในลิเบีย และเพื่อป้องกันไม่ให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกต้องตกอยู่ในภาวะเปราะบาง

ด้านกระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยว่า ทางกระทรวงจะระบายน้ำมันดิบ 30 ล้านบาร์เรลออกจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนถึงครึ่งหนึ่งของปริมาณน้ำมันดิบที่ IEA ระบายออกจากคลังในครั้งนี้ ขณะที่ฝรั่งเศส อังกฤษ เกาหลีใต้ และประเทศสมาชิกรายอื่นๆ จะระบายน้ำมันส่วนที่เหลือออกจากคลัง

การเข้าแทรกแซงตลาดน้ำมันโลกของกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมเหล่านี้ส่งผลให้สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงอีก 4.6% แตะที่ 91.02 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อคืนนี้ และฉุดสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ร่วงลง 6% แตะที่ 107.26 ดอลลาร์/บาร์เรล

เรย์มอนด์ คาร์โบน ประธานบริษัท พาราเมาท์ ออพชันส์ กล่าวว่า ราคาน้ำมันดิบถอยร่นลงไปสู่ระดับเดียวกับในช่วงกลางเดือนก.พ. ซึ่งเป็นช่วงก่อนเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในลิเบีย นอกจากนี้ คาร์โบนซึ่งมีประสบการณ์ในการค้าน้ำมันในตลาด NYMEX ได้ลดการทำโพสิชั่นสัญญาน้ำมันดิบเมื่อคืนนี้ด้วย โดยกล่าวว่า ทิศทางของตลาดน้ำมันตกอยู่ในความไม่แน่นอนหลังจาก IEA ระบายน้ำมันออกจากคลังสำรอง

ขณะที่โกลด์แมนส์ แซคส์ได้ออกมาแสดงปฏิกริยาต่อความเคลื่อนไหวของ IEA ด้วยการปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ลง 10-20 ดอลลาร์ สู่ระดับ 105-107 ดอลลาร์/บาร์เรลในระยะ 3 เดือน

อย่างไรก็ตาม โกลดแมน์ แซคส์ ยังระมัดระวังเกี่ยวกับการแสดงความเห็นเรื่องผลกระทบระยะยาวของมาตรการดังกล่าว โดยระบุว่า ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลที่แน่ชัดเกี่ยวกับกลไกการระบายน้ำมันของ IEA

"จนถึงขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่า การระบายน้ำมันออกจากคลังครั้งนี้จะผ่านทางการขายน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมันออกมาโดยตรง หรือในลักษณะแลกเปลี่ยน" ทีมงานวิจัยของโกลด์แมน แซคส์กล่าว

ด้านนายคริส ลาฟาคิส นักเศรษฐศาสตร์ของมูดีส์กล่าวว่า การตัดสินใจของ IEA จะช่วยให้ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงเป็นเวลาหลายเดือน ซึ่งถือเป็นข่าวดีต่อผู้บริโภคและเศรษฐกิจของสหรัฐ

อย่างไรก็ตาม การปิโตรเลียมสหรัฐ (API) แสดงความเห็นว่า IEA ระบายน้ำมันออกจากคลังในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสม เนื่องจากอุปทานน้ำมันยังไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉินในขณะนี้

ผู้สังเกตการณ์หลายคนมองว่า การระบายน้ำมันออกจากคลังของ IEA ครั้งนี้ไม่ได้มีเป้าหมายที่จะเพิ่มอุปทานน้ำมัน แต่มีจุดประสงค์ที่จะควบคุมการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญในการฟื้นเศรษฐกิจสหรัฐที่กำลังซบเซาอยู่ในขณะนี้

อย่างไรก็ตาม ผู้สังเกตการณ์ระบุว่า ผลที่เกิดขึ้นจากการตัดสินใจครั้งนี้อาจจะไม่ยั่งยืน เนื่องจากน้ำมันดิบ 60 ล้านบาร์เรลที่ระบายออกมานั้นอยู่สูงกว่าระดับการใช้น้ำมันในปัจจุบันของสหรัฐเพียงเล็กน้อย และสำหรับผู้ใช้น้ำมันทั่วโลกแล้ว ปริมาณน้ำมันดิบ 60 ล้านบาร์เรลสามารถใช้ได้เพียงแค่ 17 ชั่วโมงเท่านั้น

น้ำมันในคลังสำรอง SPR ของสหรัฐมีอยู่ทั้งสิ้น 727 ล้านบาร์เรล ซึ่งยังไม่มากพอที่จะสกัดการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันในระยะยาวได้ และแม้ว่านายสตีเฟน ชู รมว.พลังงานของสหรัฐได้ให้คำมั่นสัญญาว่า สหรัฐจะติดตามสถานการณ์ในตลาดน้ำมันอย่างต่อเนื่องและจะใช้มาตรการเพิ่มเติมหากจำเป็น แต่ประชาชนก็ยังไม่มั่นใจว่าพวกเขาจะเห็นราคาน้ำมันที่ถูกลงอีกครั้งในอนาคตหรือไม่

บทวิเคราะห์โดย เกียว จีฮอง จากสำนักข่าวซินหัว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ