น.ส.อุรวี เงารุ่งเรือง รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในฐานะผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว กล่าวว่า ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้(ม.ค.-มิ.ย.ฉ54) มีคนต่างด้าวได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจ 111 ราย ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน 13% และมีเงินทุนที่นำมาใช้ในการประกอบธุรกิจรวม 3,144 ล้านบาท ลดลง 18% เพราะในปี 53 มีการประกอบธุรกิจบริการทางการเงิน เช่น ให้กู้ยืมเงิน บริการแฟ็กเตอริง (Factoring) ให้สินเชื่อส่วนบุคคล ฯลฯ ซึ่งเป็นธุรกิจที่ต้องมีเงินลงทุนสูง
ขณะที่ธุรกิจที่ได้รับอนุญาตในปี 54 ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจบริการให้แก่บริษัทในเครือ/ในกลุ่ม เช่น บริการให้กู้ยืมเงิน, บริการรับค้ำประกันหนี้, บริการทางบัญชี/กฎหมาย เป็นต้น รองลงมาเป็นธุรกิจบริการซ่อมแซมบำรุงรักษาสินค้าต่างๆ โดยประเทศที่เข้ามาลงทุนมากที่สุดยังคงเป็นประเทศญี่ปุ่น, สิงคโปร์ และฮ่องกง ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกันกับปี 53
รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการฯ เมื่อวันที่ 22 มิ.ย.ที่ผ่านมา ที่ประชุมได้อนุญาตให้บริษัทต่างด้าวประกอบธุรกิจในไทยในเดือนมิ.ย. 18 ราย มีเงินทุนที่ใช้ในการประกอบธุรกิจจำนวน 364 ล้านบาท มีการจ้างงานคนไทย 139 คน โดยธุรกิจที่อนุญาตเป็นธุรกิจที่ต้องใช้ความรู้ความชำนาญเฉพาะด้านที่มีผลดีต่อการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้แก่คนไทย และเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการปิโตรเลียม
ทั้งนี้ นับตั้งแต่เดือนมี.ค.43 ที่มีการบังคับใช้ พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 จนถึงเดือนมิ.ย.54 คณะกรรมการฯ ได้อนุญาตให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจไปแล้ว 2,732 ราย และมีเงินทุนเพื่อใช้ในการประกอบธุรกิจทั้งสิ้น 140,264 ล้านบาท