นายเหยา จิงหยวน อดีตหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน กล่าวว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อหลัก จะปรับตัวสูงขึ้นในเดือนมิถุนายน เมื่อเทียบกับเดือนพ.ค. แต่เชื่อว่าดัชนีจะปรับตัวลดลงอย่างมากในไตรมาสสี่ปีนี้
นายเหยากล่าวถึงเรื่องดังกล่าวในระหว่างการประชุมซึ่งจัดขึ้นที่นครเซี่ยงไฮ้ วานนี้ พร้อมทั้งระบุว่า ปัจจัยต่างๆ อาทิ แรงกดดันเงินเฟ้อนำเข้าซึ่งเกิดจากการผ่อนคลายเชิงปริมาณในสหรัฐและสภาพคล่องที่มีอย่างล้นเหลือในตลาดภายในประเทศ ประกอบกับโครงสร้างพื้นฐานทางการเกษตรที่อ่อนแอ เป็นสาเหตุที่ทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวสูงขึ้นในประเทศจีน
นายเหยายืนยันว่า เศรษฐกิจจีนแสดงคุณลักษณะของความมีเสถียรภาพ โดยแทบไม่มีความเสี่ยงว่าเศรษฐกิจขยายตัวร้อนแรงเกินไปหรือร่วงลงอย่างรุนแรง แต่ถึงกระนั้นเศรษฐจีนยังเผชิญปัญหาเงินเฟ้อที่น่ากังวล
อย่างไรก็ดี เขากล่าวว่า จีนยังสามารถบรรลุเป้าหมาย CPI ที่ 4% ซึ่งกำหนดไว้เมื่อช่วงต้นปีนี้ได้ แม้จะเป็นเรื่องยากก็ตาม โดยระบุว่า อุปทานธัญพืชที่มีอยู่อย่างมากมาย ประกอบกับการที่อุปทานของสินค้าอุตสาหกรรมและสินค้าอุปโภคบริโภคมีมากกว่าอุปสงค์ จะช่วยเป็นพื้นฐานสำหรับการรักษาเสถียรภาพของระดับราคาโดยรวม
นอกจากนี้ เขายังแนะให้ทางการใช้มาตรการคุมเข้มต่อไปในหลายเดือนข้างหน้าให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจ
ทั้งนี้ การควบคุมราคาไม่ให้ปรับตัวสูงขึ้นเป็นภารกิจสำคัญอันดับแรกในการกำกับดูแลเศรษฐกิจมหภาคของรัฐบาลจีนในปีนี้ โดยได้มีการประกาศนโยบายที่มีเป้าหมายออกมาอย่างต่อเนื่อง
CPI ของจีนปรับตัวขึ้น 5.5% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนพ.ค. โดยราคาอาหารพุ่งขึ้น 11.7% ขณะที่ราคาเนื้อหมูทะยาน 40.4%