เลือกตั้ง'54:เอกชนหวังรบ.ใหม่สานต่อลงทุนโครงสร้างพฐ.แนะดึงมืออาชีพบริหารปท.

ข่าวเศรษฐกิจ Monday June 27, 2011 11:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสาธิต สุดบรรทัด รองกรรมการผู้จัดการสายการขายและการตลาด บมจ.ผลิตภัณฑ์ตราเพชร (DRT) ผู้ผลิตและจำหน่าย ผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ ‘ตราเพชร’ เปิดเผยว่า นโยบายของพรรคการเมืองที่ผ่านมา ไม่ได้ให้ความสำคัญกับยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนของประเทศที่ชัดเจน โดยแต่ละพรรคต่างชูนโยบายประชานิยม ซึ่งในฐานะของภาคเอกชนที่เป็นส่วนหนึ่งที่เสียภาษี ต้องการเห็นพรรคการเมืองหรือรัฐบาลใหม่มีนโยบายการใช้งบประมาณของประเทศ เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจมากกว่า

นอกจากนี้ขอให้รัฐบาลใหม่ได้สานต่อนโยบายของรัฐบาลชุดเดิมที่เห็นว่าเป็นโครงการที่ดี เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการพัฒนาประเทศ เช่น นโยบายด้านการลงทุนระบบโครงสร้างพื้นฐาน การก่อสร้างรถไฟฟ้า โครงการรถไฟความเร็วสูง เป็นต้น ขณะที่ปัญหาเรื่องความรุนแรง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชา ที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนนั้น พรรคการเมืองที่เข้ามาเป็นรัฐบาลต้องมีแนวทางที่ชัดเจนต่อการแก้ปัญหาดังกล่าว เนื่องจากส่งผลกระทบต่อการค้าการลงทุนของภาคเอกชน

“เราเสียโอกาสหลายอย่าง จากผลกระทบด้านการเมือง ทั้งโอกาสทางธุรกิจ ความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนที่จะนำประเทศเดินหน้า แต่หลังจากวันที่ 3 ก.ค. เชื่อว่าทุกอย่างจะดีขึ้นและทุกฝ่ายต้องยอมรับผลการเลือกตั้งที่ออกมาเพื่อผลักดันประเทศให้ก้าวหน้าอีกครั้ง โดยเปิดโอกาสให้รัฐบาลใหม่ที่ไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมืองใด ได้มีเวลาในการบริหารประเทศวางแนวทางแก้ปัญหาเศรษฐกิจและสร้างรายได้ให้กับประชาชนดีกว่าจะมานั่งทะเลาะกันเองอีก" นายสาธิต กล่าว

นายสาธิต กล่าวอีกว่า โดยส่วนตัวอยากเห็นพรรคการเมืองให้โอกาสคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถที่ได้รับการยอมรับจากคนในสังคม เข้ามามีบทบาทบริหารประเทศในกระทรวงสำคัญๆ เพื่อสร้างผลงานในการบริหารงาน หรือทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลเพื่อแก้ปัญหาการคอรัปชั่น เพื่อสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้กับนักการเมือง

ด้านนายวิโรจน์ พรประกฤต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ (JUBILE) ผู้จัดจำหน่ายและทำตลาดเพชรกะรัตและเครื่องประดับเพชรภายใต้แบรนด์ “เพชรยูบิลลี่" กล่าวว่า ในฐานะผู้ประกอบการธุรกิจเอกชน อยากเห็นรัฐบาลชุดใหม่ให้ความสำคัญกับการปฏิรูปการบริหารประเทศ โดยดึงนักบริหารมืออาชีพที่มีความรู้ความสามารถ ที่มีวิสัยทัศน์ในการบริหารประเทศ เข้ามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในกระทรวงสำคัญ โดยเฉพาะกระทรวงเศรษฐกิจ เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและเป็นที่ยอมรับแก่นักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศ

“พรรคไหนจะมาเป็นรัฐบาลก็ได้ แต่จำเป็นต้องดึงมืออาชีพที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาบริหาร ไม่ใช่เป็นรัฐบาลแฟมิลี่ ที่ดึงญาติพี่น้อง กลุ่มนายทุนพรรค เข้ามาดำรงตำแหน่งสำคัญทางการเมือง แต่บริหารงานไม่เป็น เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น ภาคเอกชนจะขาดความเชื่อมั่นต่อรัฐบาล โดยเฉพาะในการกำหนดนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ เพื่อรับมือการแข่งขันทางการค้าที่นับวันจะมีการเปิดเสรีการค้ามากขึ้น" นายวิโรจน์ กล่าว

นอกจากนี้ รัฐบาลชุดใหม่ควรเน้นการปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่น ซึ่งเป็นปัญหาที่กัดกร่อนประเทศ และภาคเอกชนให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก เนื่องจากเป็นอีกหนึ่งดัชนีชี้วัดขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศ หากปล่อยให้มีการคอรัปชั่นมาก คงยากที่จะนำพาประเทศไปแข่งขันกับต่างชาติได้

ส่วนคุณสมบัติของรัฐมนตรีกระทรวงสำคัญๆ ต้องมีความสามารถในการผลักดันโยบายไปสู่ภาคการปฏิบัติได้จริง เช่น รมว.คลัง ต้องมีประสบการณ์และเข้าใจปัญหาด้านเศรษฐกิจ การเงิน การคลัง และเข้าใจโครงสร้างรายได้ของประชาชนภายในประเทศ เพื่อกำหนดมาตรการที่เอื้อต่อการสร้างรายได้ให้แก่ประชาชนในแต่ละกลุ่ม ขณะที่ รมว.พาณิชย์ ต้องบริหารงานฉับไว รวดเร็ว รู้จริงเรื่องโครงสร้างราคาสินค้าเพื่อรู้เท่าทันกลุ่มพ่อค้าที่อาจฉวยโอกาสเอารัดเอาเปรียบด้วยการขึ้นราคาสินค้าอย่างไม่เป็นธรรม


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ