ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (27 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์ว่ารัฐสภากรีซจะผ่านร่างมาตรการรัดเข็มขัดซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญในการรับความช่วยเหลือครั้งใหม่จากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และสหภาพยุโรป (อียู) นอกจากนี้ ยูโรยังได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่า ธนาคารฝรั่งเศสจะซื้อพันธบัตรชุดใหม่ของรัฐบาลกรีซเมื่อพันธบัตรชุดปัจจุบันครบกำหนดไถ่ถอน หรือการทำ rollover
ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้น 0.63% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.4279 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.4190 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้น 0.19% แตะที่ 1.5989 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5958 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น 0.57% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 80.870 เยน จากระดับ 80.410 เยน และดีดตัวขึ้น 0.30% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.8354 ฟรังค์ จากระดับ 0.8329 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.53% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0437 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0493 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลง 0.59% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.8057 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8105 ดอลลาร์สหรัฐ
นักลงทุนมีความเชื่อมั่นในสกุลเงินยูโรมากขึ้นเมื่อมีรายงานว่า ธนาคารฝรั่งเศสจะซื้อพันธบัตรชุดใหม่ของรัฐบาลกรีซเมื่อพันธบัตรชุดปัจจุบันครบกำหนดไถ่ถอน หรือการทำ rollover รวมทั้งข่าวที่ว่า นายนิโคลาส์ ซาร์โกซี ประธานาธิบดีฝรั่งเศสได้อนุมัติให้ธนาคารพาณิชย์ของฝรั่งเศสยืดเวลาชำระหนี้พันธบัตรของกรีซ ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเรื่องการผิดนัดชำระหนี้ของกรีซ เนื่องจากธนาคารในฝรั่งเศสถือครองพันธบัตรของรัฐบาลกรีซสูงถึง 2.13 หมื่นล้านดอลลาร์
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สกุลเงินยูโรได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนเชื่อมั่นว่า รัฐสภากรีซจะผ่านร่างมาตรการรัดเข็ดขัดฉบับใหม่ เพื่อปูทางให้กรีซได้รับเงินช่วยเหลืองวดใหม่จากไอเอ็มเอฟและอียู โดยสมาชิกสภานิติบัญญัติของกรีซเริ่มอภิปรายร่างมาตรการรัดเข็มขัดตั้งแต่เมื่อวานนี้และจะเสร็จสิ้นภายในสัปดาห์นี้
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ผู้บริโภคมีการใช้จ่ายในเดือนพ.ค.มูลค่ารวม 4.6 พันล้านดอลลาร์ ลดลง 0.3% จากเดือนเม.ย. ขณะที่รายได้ส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น 0.3% ซึ่งน้อยกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่
ทางการสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ รวมถึงราคาบ้านเดือนเม.ย., ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเดือนมิ.ย., ยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนพ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีภาวะธุรกิจรัฐนิวยอร์คเดือนมิ.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโกเดือนมิ.ย., ข้อมูลค่าใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนพ.ค. และดัชนีภาคการผลิตเดือนมิ.ย.