นายเสรี เด่นวรลักษณ์ นายกสมาคมการค้ามันสำปะหลังไทย คาดว่านับจากนี้อุตสาหกรรมมันสำปะหลังจะโตปีละ 10-15% ทั้งด้านการส่งออกและความต้องการใช้ในประเทศ โดยเฉพาะความต้องการของจีนที่พยายามผลักดันการผลิตเอทานอลและส่งเสริมให้มีการผลิตเอทานอลมากขึ้นจากปัจจุบัน โดยขณะนี้จีนสร้างโรงงานเอทานอลแล้ว 5 แห่ง กำลังการผลิต 180 ล้านลิตร/ปี และมีแนวโน้มว่าจะมีการสร้างโรงงานเอทานอลมากขึ้นเรื่อยๆ
นอกจากนี้ การรวมตัวเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) ในปี 58 จะทำให้ตลาดอาเซียนไม่มีข้อจำกัด และมองว่าการค้าอาเซียนจะใหญ่มากจะเป็นการเปิดเสรีทำให้นานาชาติมีการโยกย้ายฐานผลิตมาใช้ไทยเป็นฐานการผลิตมากขึ้น
"การที่เกิด AEC ทำให้ความต้องการใช้มันสำปะหลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด" นายเสรี กล่าว
นายเสรี คาดการณ์ผลผลิตมันสำปะหลังปีการผลิต 53/54 น่าจะอยู่ที่ประมาณ 20-30 ล้านตัน ลดลงจากที่เคยคาดการณ์ไว้เมื่อ 2 ปีก่อนว่าในปี 53/54 น่าจะได้ผลผลิตได้เกิน 30 ล้านตัน เนื่องจากเจอกับปัญหาเพลี้ยแป้งและปัญหาภัยแล้ง ทำให้ผลผลิตหายไป 10 ล้านตัน
ทั้งนี้ มองว่าไทยควรมีการเพิ่มผลผลิตต่อไร่ เพื่อรองรับตลาดมันสำปะหลังที่จะขยายตัวในอนาคต เนื่องจากการเพิ่มพื้นที่เพาะปลูกเป็นไปไม่ได้ เพราะพื้นที่เกษตรมีจำกัด ซึ่งวิธีแก้คือเพิ่มผลผลิตต่อไร่ และช่วยส่งเสริมทางการตลาด จึงฝากให้เป็นรัฐบาลใหม่ให้ช่วยหาตลาดส่งออก ส่วนผู้ค้าเองก็จะพยายามหาตลาด และลู่ทางการทำตลาดเองด้วย โดยจะพยายามขยายตลาดส่งออกให้เติบโตปีละ 10-15% ซึ่งมีความเป็นไปได้สูง
นายอภิชาติ จงสกุล เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร(สศก.)กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คาดการณ์ผลผลิตมันสำปะหลังฤดูกาล 53/54 ที่ 21.87 ล้านตัน จากพื้นที่ปลูก 7 ล้านไร่ ซึ่งผลผลิตที่ได้แบ่งเป็นการส่งอก 72% ในประเทศ 28% โดยกระทรวงเกษตรฯ มีแผนจัดทำยุทธศาสตร์มันสำปะหลังเพื่อเป็นการสนับสนุนอุตสาหกรรมมันสำปะหลังที่มีแนวโน้มเติบโตและมีช่องให้ประเทศไทยทำการตลาดได้มาก ได้แก่ 1.เน้นการคงพื้นที่การเกษตรแต่เพิ่มผลผลิตต่อไร่ ให้ได้ 4-5 ตันต่อไร่ จากปัจจุบัน 3 ตันต่อไร่
2.เพิ่มประสิทธิภาพการตลาด โดยต้องอาศัยพึ่งพาหน่วยงานของรัฐ อาทิ กรมการค้าต่างประเทศ ช่วยหาตลาดให้ 3. วิจัยพัฒนาพันธ์มันสำปะหลังที่มีคุณภาพและทนต่อสภาพแวดล้อม สภาพอากศที่แปรปรวนและแมลงศัตรูพืช และ 4. ให้ความสำคัญกับเรื่องแมลงศัตรูพืชมากขึ้น อย่างจริงจัง หลังจากที่ผ่านมาละเลย เพราะคิดว่ามันสำปะหลังเป็นพืชหัวแข็งทนต่อโรค แต่จาก 2 ปีเห็นได้ว่าผลผลิตหายไปค่อนข้างมาก
นายมนัส สร้อยพลอย อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกมันสำปะหลังเป็นอันดับ 2 ของโลก แต่เป็นอันดับ 1 ในเอเชีย ดังนั้น จะต้องพยายามรักษาตลาดความเป็นผู้นำอันดับต้นของการส่งออกมันสำปะหลัง ทั้งในรูปแบบของหัวมันสด และแปรรูปแล้ว เพื่อรักษาความเป็นผู้ส่งออกมันสำปะหลังมา 80 ปี
นาย Jin Shu Ren ตัวแทนจากจีน กล่าวว่า จากการที่นานาประเทศในโลกพยายามลดการใช้ปิโตรเลียม และหันมาพัฒนาเชื้อเพลิงที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งการที่ราคาน้ำมันดิบสูงต่อเนื่อง ถือเป็นช่องว่างให้มันสำปะหลังเข้าไปมีบทบาทมากขึ้น
ปัจจุบันประเทศที่พัฒนาแล้วจะใช้น้ำมันเพียง 15%ของการใช้พลังงานในประเทศ