นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เชื่อว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(GDP)ของไทยในปีนี้น่าจะยังเติบโตได้ 4-5% ตามเป้าหมาย เนื่องจากพื้นฐานทางเศรษฐกิจของประเทศไทยยังแข็งแกร่ง ประกอบกับผลประกอบการกลุ่มอุตสาหกรรมของภาคเอกชนยังเติบโตได้ดี
ส่วนแนวโน้มเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังนี้มองว่า ถ้าการเลือกตั้งผ่านพ้นไปด้วยดี ทุกฝ่ายยอมรับผลการเลือกตั้งและไม่มีเหตุการณ์วุ่นวายตามมา เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยยังสามารถเดินหน้าต่อไป แต่ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีหลังยังมีปัจจัยสำคัญที่ต้องจับตา คือ การเมืองไทย, ราคาน้ำมัน และภาวะเงินเฟ้อ
"เศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังที่ได้มีการสอบถามจากผู้ประกอบการต่างๆ ที่เข้ามาลงทุนในไทย เขายังมั่นใจไม่หวั่นวิตกว่าจะมีปัญหา ตอนนี้เรื่องการเมืองและเศรษฐกิจยังเดินไปอย่างคู่ขนาน แต่ถ้าประเทศมีความปรองดอง เข้มแข็ง ก็จะเดินไปได้ไกลกว่านี้" ประธาน ส.อ.ท.กล่าว
นายพยุงศักดิ์ กล่าวว่า สิ่งที่ภาคเอกชนต้องการให้รัฐบาลชุดใหม่เข้ามาดูแลและให้ความสำคัญ คือ 1.การพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในประเทศให้ดีขึ้น โดยเริ่มจากการสร้างความปรองดอง 2.การแก้ไขปัญหาทุจริตคอรัปชั่น 3.การเข้ามาสานต่อนโยบายเศรษฐกิจในด้านต่างๆ และ 4.การขยายนโยบายเศรษฐกิจออกไปยังระดับภูมิภาคให้มากขึ้น ส่วนปัจจัยอื่นๆ ที่ยังต้องติดตาม คือ ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ยังอยู่ในระดับสูง, ปัญหาเงินเฟ้อ รวมถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกทั้งในยุโรปและสหรัฐฯ แต่อย่างไรก็ดี ปัจจุบันประเทศไทยได้หันมาพึ่งพาการขายค้ากับประเทศในอาเซียนและเอเชียมากขึ้น ซึ่งถือเป็นช่องทางตลาดใหม่ที่ยังสามารถเติบโตได้อีกมาก ส่วนปัญหาเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนนั้น เชื่อว่าปัจจุบันไม่ได้เป็นปัจจัยที่ต้องกังวลแล้ว