นายนริศ ชัยสูตร ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า ในปีงบประมาณ 54 คาดว่ารัฐบาลจะสามารถจัดเก็บรายได้เกินกว่าประมาณการ 15% จากประมาณการรายได้ที่ 1.65 ล้านล้านบาท โดยช่วง 8 เดือนแรกของปีงบประมาณ 54 (ต.ค.54-พ.ค.54) รัฐบาลจัดเก็บรายได้แล้วกว่า 1.05 ล้านล้านบาท
สำหรับงบประมาณประจำปี 55 ที่อาจนำมาใช้ล่าช้ากว่ากำหนดเวลา เนื่องจากการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ และกระบวนการจัดทำงบประมาณประจำปี 55 ยังค้างอยู่นั้น ไม่น่ามีปัญหา เนื่องจากรัฐบาลใหม่สามารถใช้เงินงบประมาณตามกรอบงบประมาณที่เคยจัดทำไว้ได้ก่อน โดยงบประมาณปี 55 เป็นงบรายจ่ายที่ 2.25 ล้านล้านบาท รายได้ที่ 1.9 ล้านล้านบาท เป็นงบขาดดุล 3.5 แสนล้านบาท
แต่หากรัฐบาลใหม่ต้องการใช้จ่ายเงินงบประมาณเพิ่มเติม เพื่อดำเนินนโยบายตามที่ได้หาเสียงไว้ ก็สามารถดำเนินการได้ภายใต้กรอบของกฎหมายที่กำหนดไว้ตาม พ.ร.บ.หนี้สาธารณะฯ ที่กำหนดเพดานไม่เกิน 20% รวมกับ 80% ของงบชำระคืนหนี้เงินต้นเดิม คิดเป็นเม็ดเงินประมาณ 1.36 แสนล้านบาท
ขณะเดียวกันในด้านการจัดเก็บรายได้ที่หากรัฐบาลจัดเก็บรายได้เกินกว่าเป้าหมาย ก็สามารถนำเงินส่วนนี้มาใช้จ่ายเพิ่มเติมได้เช่นกัน ดังนั้น เบื้องต้นประเมินว่ารัฐบาลใหม่อาจสามารถเพิ่มงบประมาณรายจ่ายเพื่อลงทุนได้อีกประมาณ 3 แสนล้านบาท
"หากคิดคร่าวๆ ตามเพดานการก่อหนี้ที่กำหนดไว้ตาม พ.ร.บ.หนี้สาธารณะก็มีเพดานการกู้เงิน และหากคาดว่าปีงบประมาณ 55 จัดเก็บรายได้เกินกว่าเป้า โดยใช้สมมติฐานที่ 15% เหมือนปีงบประมาณ 55 รัฐบาลใหม่จะมีเงินใช้จ่ายลงทุนเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 3 แสนล้านบาท"นายนริศ กล่าว
ผู้อำนวยการ สศค. กล่าวยอมรับว่า สศค.ได้จัดเก็บข้อมูลเพื่อประเมินเงินงบประมาณที่รัฐบาลใหม่ต้องใช้ ตามนโยบายหาเสียงของพรรคการเมืองต่างๆ เชื่อว่ารัฐบาลใหม่จะยังมีโครงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน แต่การเบิกจ่ายเงินงบประมาณคงไม่มากถึง 2 ล้านล้านบาทตามที่มีกระแสข่าว เพราะการลงทุนของรัฐบาลจะมีการกำหนดกรอบระยะเวลา และต้องจัดลำดับความสำคัญในการลงทุน