ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (29 มิ.ย.) หลังจากกรีซมีมติผ่านมาตรการรัดเข็มขัดระยะ 5 ปีในช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาประเทศไทย เพื่อปูทางสู่การรับเงินกู้งวดใหม่จากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และสหภาพยุโรป (อียู) ซึ่งจะช่วยให้กรีซสามารถหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ได้ ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงเนื่องจากนักลงทุนหันไปถือครองสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงและให้อัตราผลตอบแทนสูงกว่า หลังจากความกังวลเรื่องปัญหาหนี้กรีซเริ่มลดน้อยลงและหลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง
ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้น 0.46% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.4434 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันอังคารที่ 1.4368 ดอลลาร์สหรัฐ ค่าเงินปอนด์ดีดตัวขึ้น 0.44% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.6066 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5996 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลง 0.44% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 80.740 เยน จากระดับ 81.100 เยน แต่ดอลลาร์ดีดตัวขึ้น 0.28% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.8339 ฟรังค์ จากระดับ 0.8316 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 1.38% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0681 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0536 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ทะยานขึ้น 1.61% สู่ระดับ 0.8251 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8120 ดอลลาร์สหรัฐ
นักลงทุนเริ่มมีความเชื่อมั่นในสกุลเงินยูโรมากขึ้นหลังจากรัฐสภากรีซมีมติด้วยคะแนนเสียง 155 ต่อ 138 รับรองมาตรการรัดเข็มขัดระยะ 5 ปี ซึ่งการผ่านมาตรการดังกล่าวถือเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยให้กรีซรับเงินกู้งวดใหม่มูลค่า 1.2 หมื่นล้านยูโรจากไอเอ็มเอฟและสหภาพยุโรป ซึ่งจะช่วยให้กรีซรอดพ้นจากการผิดนัดชำระหนี้
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า รัฐสภากรีซจะลงมติในร่างกฎหมายอีกฉบับหนึ่งในวันนี้ ซึ่งเป็นร่างกฎหมายที่มีรายละเอียดมากขึ้นเกี่ยวกับการดำเนินมาตรการทางการคลัง โดยจะครอบคลุมถึง การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ มาตรการขึ้นภาษี และการปรับลดงบประมาณรายจ่าย
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ เนื่องจากความเชื่อมั่นที่มีต่อแนวโน้มเศรษฐกิจทำให้นักลงทุนหันเข้าซื้อสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงและให้อัตราผลตอบแทนสูงกว่า โดยสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนพ.ค.พุ่งขึ้น 8.2% มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 3.8%
ทางการสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีภาวะธุรกิจรัฐนิวยอร์คเดือนมิ.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโกเดือนมิ.ย., ข้อมูลค่าใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนพ.ค. และดัชนีภาคการผลิตเดือนมิ.ย.