ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (1 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคาดว่ากรีซจะสามารถหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ในระยะใกล้นี้ได้ หลังจากรัฐสภากรีซมีมติรับรองกฎหมายรัดเข็มขัด ซึ่งเป็นขั้นตอนที่จำเป็นก่อนที่จะได้รับเงินกู้งวดใหม่จากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และสหภาพยุโรป (อียู) ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนและฟรังค์ ขานรับดัชนีภาคการผลิตเดือนมิ.ย.ที่ขยายตัวอย่างเหนือความคาดหมาย
ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้น 0.16% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.4527 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 1.4504 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ดีดตัวขึ้น 0.11% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ 1.6065 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6047 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น 0.35% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 80.800 เยน จากระดับ 80.520 เยน และพุ่งขึ้น 1% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.8485 ฟรังค์ จากระดับ 0.8401 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.59% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0780 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0717 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์อ่อนตัวลง 0.18% แตะที่ 0.8276 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8291 ดอลลาร์สหรัฐ
สกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้นติดต่อกัน 5 วันทำการเนื่องจากนักลงทุนคาดว่า กรีซจะสามารถหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้สาธารณะและหนี้พันธบัตรที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนก.ค.ได้ หลังจากรัฐสภากรีซมีมติรับรองกฎหมายรัดเข็มขัดทั้ง 2 ฉบับ ซึ่งครอบคลุมถึงการจัดตั้งองค์กรแปรรูปรัฐวิสาหกิจ และการบังคับใช้กฎหมายด้านภาษี เพื่อปูทางสู่การรับเงินเบิกจ่ายงวดที่ 5 มูลค่า 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์ (1.69 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) จากไอเอ็มเอฟและอียู
นอกจากนี้ ยูโรยังได้แรงหนุนจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จะประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ โดยมีเป้าหมายที่จะควบคุมเงินเฟ้อในยูโรโซน หลังจากสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อเดือนมิ.ย.ในเขตยูโรโซนอยู่ที่ระดับ 2.7% สูงกว่าเป้าหมายของอีซีบีที่ระดับ 2%
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐได้แรงหนุนหลังจากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนมิ.ย.ของสหรัฐขยายตัวที่ระดับ 55.3 จุด มากกว่าเดือนพ.ค.ที่ระดับ 53.5 จุด สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลง
ดัชนีภาคการผลิตที่ขยายตัวขึ้นอย่างเหนือความคาดหมายในเดือนมิ.ย.ช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจของสหรัฐ โดยเฉพาะตลาดแรงงานที่ยังคงซบเซา หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 25 มิ.ย.ปรับตัวลง 1,000 ราย สู่ระดับ 428,000 ราย ซึ่งเป็นการปรับตัวลงน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ 420,000 ราย ส่วนจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานอย่างต่อเนื่องโดยเฉลี่ย 4 สัปดาห์ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 500 สู่ระดับ 426,750 ราย
กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (nonfarm payrolls) ประจำเดือนมิ.ย.ในวันที่ 8 ก.ค.นี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า ตัวเลขจ้างงานจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 90,000 ราย และคาดว่าอัตราว่างงานจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 9%