นายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยที่พรรคเพื่อไทย(พท.)ซึ่งเป็นแกนนำรัฐบาลมีแนวคิดที่จะยกเลิกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงนั้นเป็นเรื่องที่ไม่สามารถดำเนินการได้ในทันที เพราะนอกจากกองทุนน้ำมันฯจะใช้เป็นเครื่องมือควบคุมราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้มีราคาสูงตามสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงมากแล้ว ยังมีภาระในการชดเชยราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว(LPG) และก๊าซธรรมชาติในรถยนต์(NGV)
หากมีการยกเลิกฯ จะเป็นภาระให้รัฐบาลต่องจัดหาเงินจำนวนมากมาชดเชยราคา LPG ในภาคครัวเรือน และราคา NGV แต่หากจะยกเลิกกองทุนน้ำมันฯ ต้องรอให้ราคาเชื้อเพลิงลอยตัวตามกลไกตลาดก่อน ซึ่งขณะนี้ต้องจับตาดูการจับขั้วตั้งรัฐบาล เพราะมีความเป็นไปได้ที่โควตากระทรวงพลังงานจะยังเป็นของพรรคเดิม ทำให้นโยบายด้านพลังงานไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก และยังคงเน้นการตรึงราคาพลังงานต่อไป
อย่างไรก็ตาม มีความเป็นไปได้ที่จะมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างราคาพลังงาน หากพรรคเพื่อไทยเข้ามาบริหารงานในกระทรวงพลังงานเอง ซึ่งหากมีการยุบกองทุนน้ำมันฯ จะทำให้ราคาน้ำมันลดลงอย่างรวดเร็ว เพราะปัจจุบันกองทุนน้ำมันฯ เก็บเงินจากผู้ใช้น้ำมันเบนซิน 95 อยู่ที่ 7.50 บาทต่อลิตร และเก็บเงินจากผู้ใช้เบนซิน 91 อยู่ที่ 6.70 บาทต่อลิตร ส่วนแก๊สโซฮอล์ 95 เก็บอยู่ที่ 2.40 บาทต่อลิตร
"ในระยะแรกรัฐบาลชุดนี้ไม่น่าจะมีการยุบเลิกกองทุนน้ำมันฯ เพราะจะส่งผลกระทบต่อการขึ้นราคาแอลพีจีในภาคครัวเรือน และจะส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชน ซึ่งจะทำให้รัฐบาลเสียคะแนนนิยม ดังนั้นให้จับตาดูในช่วงเดือนกันยายน ซึ่งเป็นช่วงหมดระยะเวลาการยกเลิกภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล รัฐบาลอาจถือโอกาสทยอยลอยตัวราคาน้ำมันดีเซล โดยไม่ใช้เงินกองทุนน้ำมันมาชดเชย ซึ่งเป็นการลดภาระของกองทุนน้ำมันฯ ลงในขั้นแรก หลังจากนั้นอาจจะใช้เวลาอีกระยะหนึ่งในการปรับราคา NGV และ NGV จึงจะสามารถยุบเลิกกองทุนน้ำมันได้"นายมนุญ กล่าว