สมาคมผู้ส่งออกข้าวและสมาคมชาวนาไทย มองตรงกันหากนำนโยบายรับจำนำข้าวกลับมาใช้แทนระบบการประกันรายได้ในปัจจุบัน อาจสร้างปัญหาหลายด้าน เรียกร้องรัฐบาลพรรคเพื่อไทยเปิดใจรับฟังด้วยการระดมความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนก่อนตัดสินใจกำหนดนโยบาย
น.ส.กอบสุข เอี่ยมสุรีย์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยภายหลังพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งและประกาศย้ำชัดเจนว่าจะนำนโยบายรับจำนำข้าวกลับมาแน่นอน โดยจะรับจำนำที่ราคาตันละ 15,000 บาทว่า คงหลีกเลี่ยงไม่ได้หากอนาคตข้าวไทยราคาส่งออกจะสูงถึง 800 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน คาดว่าการรับจำนำข้าวคงจะเริ่มต้นในฤดูผลิตนาปีเดือน พ.ย.54
"ถ้าจะรับจำนำที่ 15,000 บาท/ตัน หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ราคาส่งออกจะพุ่งสูงถึง 800 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน เราคงทำอะไรไม่ได้"
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะตัดสินนำระบบรับจำนำข้าวกลับมาใช้ควรจะต้องรับฟังความคิดเห็นจากผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสีย นักวิชาการ ข้าราชการ และผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายก่อน เพราะเป็นสิ่งสำคัญมากหากไม่ต้องการทำผิดพลาดซ้ำเดิมๆ ที่เคยเกิดขึ้น โดยเฉพาะการระบายข้าวที่ผ่านมาทุกยุคทุกสมัยไม่ว่าพรรคไหนมา เวลามีข้าวตุนอยู่ในสต็อกรัฐบาลมักมีปัญหาในการระบายทุกครั้งไป ต้องไปแก้ตั้งแต่จุดเริ่มต้น ซึ่งเป็นปัญหาต้นน้ำ ส่วนผู้ส่งออกอยู่ปลายน้ำ
ส่วนที่พรรคเพื่อไทยระบุว่าหากราคาส่งออกสูง แก้ไขได้ด้วยการไปฮั้วกับประเทศอื่น ก็เหมือนไปฝากความหวังไว้ที่ต่างประเทศ ทั้ง ๆ ที่ประเทศไทยสามารถบริหารจัดการได้ด้วยตัวเอง เพราะเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ของโลก และขณะนี้ราคาข้าวในประเทศก็ขึ้นไปรอแล้ว
"ส่วนจะเป็นไปได้หรือไม่ที่จะทำให้ผู้ซื้อเร่งซื้อข้าวตั้งแต่ตอนนี้เพราะกลัวว่าอีกหน่อยราคาข้าวจะแพงมากกว่านี้ ถ้ามีคนซื้อเราก็พร้อมขาย แต่ปัญหาคือถ้าราคาข้าวในประเทศก็ขยับขึ้นทันทีรับข่าวนโยบายรับจำนำกันไปแล้ว ผู้ซื้อก็อาจจะรอดูสถานการณ์ก่อนตัดสินใจ"น.ส.กอบสุข กล่าว
อย่างไรก็ตาม ณ ปัจจุบันราคาข้าวขาว 5% ในตลาดจริงคือราคาที่ซื้อขายในกลุ่มโรงสีกับผู้ส่งออก ยังอยู่ในระดับปกติ โดยสัปดาห์ที่แล้วราคาซื้อขายข้าวขาว 5% อยู่ที่ 500 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน ขยับขึ้นมาเล็กน้อยจากก่อนหน้านั้นที่ 495 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน จากภาวะตลาดโลก และราคาข้าวก็ยังมีแนวโน้มที่ดี โดยราคาข้าวที่ผันผวนขณะนี้น่าจะมาจากดีมานด์และซัพพลายเป็นหลัก
"เมื่อเช้าที่ดูตลาดยังนิ่งๆอยู่ ส่วนที่มีข่าวราคาเสนอขายข้าวขาวไทยพุ่งขึ้นเพราะนโยบายแทรกแซงราคาของว่าที่รัฐบาลใหม่นั้น น่าจะเป็นราคาที่เกิดจากการคาดการณ์ เพราะตลาดจริงยังอยู่ในระดับปกติ ราคาขึ้นลงผันผวนตามดีมานด์และซัพพลาย ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างหวือหวา" นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าว
ทั้งนี้ สมาคมผู้ส่งออกยังคงเป้าการส่งออกข้าวไว้ที่ 10 ล้านตัน แม้ว่าจะมีผู้คาดการณ์ว่าอาจจะทำได้ถึง 14 ล้านตัน โดยเป้า 10 ล้านตันน่าจะทำได้ในเดือน ต.ค.นี้ ล่าสุด ตัวเลขการส่งออกข้าว ม.ค.ถึงวานนี้ (4 ก.ค.)ไทยส่งออกข้าวได้แล้ว 6.1 ล้านตัน เฉลี่ยเดือนละ 1 ล้านตัน
"เราไม่ค่อยให้น้ำหนักกับคำพยากรณ์พวกนี้ เพราะอะไรๆก็เกิดขึ้นได้ ณ ตอนนี้ เรายังคงไว้ที่ 10 ล้านตัน เพราะยังไม่เห็นเนื้อหนังของการรับจำนำ ช่วงที่เหลือของปีนี้จะทำได้เหมือนครึ่งปีแรกหรือเปล่าก็ยังไม่รู้"น.ส.กอบสุข กล่าว
ด้านศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าราคาข้าวส่งออกในช่วงครึ่งหลังของปี 54 น่าจะปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากความต้องการข้าวในตลาดโลกยังอยู่ในเกณฑ์สูง รวมทั้งราคาข้าวของเวียดนามอยู่ในระดับใกล้เคียงกับไทย ทำให้เริ่มมีคำสั่งซื้อล็อตใหญ่ทยอยเข้าไทย ทั้งจากฟิลิปปินส์ บังคลาเทศ อิรัก และจีน ขณะที่ข้าวในสต็อกของรัฐบาลอยู่ในระดับต่ำ และข้าวในสต็อกของผู้ส่งออกและโรงสีที่ประมูลจากสต็อกรัฐบาลก็เริ่มลดลงเช่นกัน เนื่องจากการส่งออกเริ่มกระเตื้องขึ้น ทำให้คาดว่าทั้งโรงสีและผู้ส่งออกข้าวจะเริ่มรับซื้อข้าวในตลาดเพื่อเตรียมส่งมอบในระยะต่อไป
ดังนั้น คาดว่าระดับราคาข้าวในประเทศมีแนวโน้มกระเตื้องขึ้น ตามภาวะการส่งออกข้าวที่มีแนวโน้มกระเตื้องขึ้นในช่วงที่เหลือของปี 2554 อย่างไรก็ตาม ราคาข้าวอาจจะผันผวนในบางช่วงที่ประเทศผู้ซื้อชะลอการรับซื้อเพื่อรอดูสถานการณ์ โดยเฉพาะการปรับนโยบายการแทรกแซงตลาดข้าวของรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งอาจมีผลต่อราคาข้าวส่งออก
*ส.ชาวนาไทย เผยรับจำนำข้าวปัญหาอื้อ
นายประสิทธิ์ บุญเฉย นายกสมาคมชาวนาข้าวไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้สมาคมชาวนาข้าวไทย กำลังเร่งจัดทำแผนยุทธศาสตร์เพื่อนำเสนอรัฐบาลในเร็วๆนี้ ขณะนี้อยู่ระหว่างกลั่นกรอง ยุทธศาสตร์ดังกล่าวจะมีการพูดถึงการรับจำนำข้าวว่ามีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้าง สิ่งใดดีก็จะส่งเสริม สิ่งใดไม่ถูกต้องต้องแก้ไข เราจะมีหนังสือเรียกร้องให้แก้ไข โดยจะให้องค์กรต่างๆเข้ามาตรวจสอบ แทนส.ส.ฝ่ายค้านอีกที
นโยบายรับจำนำข้าวเคยทำมาแล้ว แต่เกิดปัญหา คือ เรื่องการทุจริต สถานที่เก็บข้าวที่รับซื้อก็ไม่เพียงพอ โรงสีเล่นพวกพ้อง อีกทั้งการรับจำนำข้าวทั้งระบบต้องใช้เงินมหาศาล ปัญหาคือจะเอาเงินมาจากไหน
"การรับจำนำข้าวถ้าจะให้ดีต้องแก้ปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นให้ได้อย่างเด็ดขาด รวมทั้งต้องมีสถานที่เก็บข้าวให้เพียงพอต่อการรับจำนำข้าวจากเกษตรกร...ใครเป็นพวกตัวเองเข้าโครงการได้ ใครไม่ใช่พวกก็บอกว่าโกดังเต็ม อีกทั้งการเอาข้าวไปขายควรจะอยู่ในเขต ขายข้ามเขตไม่ได้ สิ่งเหล่านี้เป็นปัญหาที่เคยเกิดขึ้น จะแก้ได้ยังไง"นายกสมาคมชาวนาข้าวไทย กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
อย่างไรก็ตาม ทั้งการประกันรายได้เกษตรกร และ การรับจำนำมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน ข้อดีของการรับจำนำคือ ราคาตั้งไว้ราคาเดียวเป็นราคาตายตัว ขณะที่การประกันรายได้เกษตรกรจะใช้ราคาตลาดเป็นราคาเกณฑ์กลางอ้างอิง
นอกจากนี้ การประกันรายได้เงินถึงมือเกษตรกรโดยตรงเป็นการชดเชยที่ชัดเจน แต่การรับจำนำข้าวทุกเมล็ดก็จริง แต่ก็ต้องมีการวัดคุณภาพความชื้นที่ 15%
"ข้าวความชื้น 15% เป็นความชื้นที่มาตรฐานอยู่แล้ว แต่ถามว่าถ้ารับจำนำทุกเมล็ดจะเอาโกดังที่ไหนเก็บ เพราะคราวที่แล้วขนาดไม่รับจำนำทุกเมล็ดยังมีปัญหาโกดังไม่พอเลย แล้วโกดังนี่แหละคือหนทางของการทุจริต เป็นโกดังของพ่อค้าของนักการเมือง ญาตินักการเมือง แล้วเวลาขาย แทนที่ข้าวจะเวียนออกไปแล้วแล้วกัน แต่ความจริงมันคือขายออกไปแล้ว แต่ก็เวียนกลับเข้ามาที่เดิมอีก ข้าวที่เดียวแต่ขาย 2-3 หน นี่คือการทุจริตที่เห็นได้ชัด"นายประสิทธิ์ กล่าว
ทั้งนี้ เชื่อว่าประชาชนคงจะให้เวลากับรัฐบาล 2 ปี ถ้าวางแผนผิดพลาดหรือระบบไม่ดี ประชาชนคงไม่ยอมในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง