สศก.เผยเศรษฐกิจเกษตร H1/54 โต 7.3%, ทั้งปีคาด 4.3-5.3% H2 ยังมีความเสี่ยง

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday July 5, 2011 12:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิชาต จงสกุล เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงภาวะเศรษฐกิจการเกษตรครึ่งปีแรกของปี 2554 ว่า ยังคงขยายตัวได้ดีอยู่ที่ประมาณร้อยละ 7.3 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งแม้ว่าในช่วงต้นปีจะเกิดภาวะแห้งแล้งในพื้นที่บางส่วนของภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมถึงปัญหาอุทกภัยในภาคใต้ แต่ไม่กระทบต่อการผลิตทางการเกษตรมากนัก โดยผลผลิตของพืชสำคัญ เช่น ข้าว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลัง อ้อยโรงงาน และยางพารา มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่วนผลผลิตที่ลดลง ได้แก่ ถั่วเหลือง และปาล์มน้ำมัน ขณะที่ราคาพืชส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์ดี โดยเฉพาะข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลัง ยางพารา และปาล์มน้ำมัน สำหรับสาขาปศุสัตว์ ผลผลิตปศุสัตว์ที่สำคัญ อาทิ ไก่เนื้อ สุกร และไข่ไก่ ออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น จากแรงจูงใจทางด้านราคา ประกอบกับการวางมาตรการควบคุมโรคที่ดีและระบบการเลี้ยงที่ได้มาตรฐาน ทำให้การผลิตปศุสัตว์ในภาพรวมดีขึ้น ส่วนสาขาประมงหดตัวลงค่อนข้างมาก เนื่องจากสภาพอากาศที่มีความแปรปรวนและผันผวนค่อนข้างมาก ส่งผลกระทบต่อการเพาะเลี้ยง อัตราการรอด และการเจริญเติบโตของสัตว์น้ำ นอกจากนี้ ยังประสบปัญหาต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น จากราคาน้ำมันและวัตถุดิบในการผลิตอาหารกุ้งที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น

ด้านภาพรวมเศรษฐกิจการเกษตรทั้งปี 2554 คาดว่าจะขยายตัวประมาณร้อยละ 4.3 - 5.3 เมื่อเทียบกับปี 2553 เนื่องจากผลผลิตสินค้าเกษตรที่สำคัญส่วนใหญ่เพิ่มขึ้น และราคาสินค้าเกษตรอยู่ในเกณฑ์ดี ประกอบกับปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางของภาคต่าง ๆ มีมากกว่าปีที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม ยังมีความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติในช่วงครึ่งหลังของปี รวมถึงราคาน้ำมันที่ค่อนข้างผันผวนและปรับตัวเพิ่มขึ้น อาจส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิต ส่วนการส่งออกสินค้าเกษตรในปี 2554 มีแนวโน้มที่จะขยายตัวได้ดี จากเศรษฐกิจโลกที่ปรับตัวดีขึ้น และประเทศผู้ผลิตสินค้าเกษตรที่สำคัญของโลกประสบปัญหาภัยธรรมชาติ ทำให้ผลผลิตสินค้าเกษตรของโลกลดลง แต่ยังมีความกังวลจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น อาจทำให้ขีดความสามารถในการส่งออกลดลง

จากการวิเคราะห์ภาพรวมในแต่ละสาขา พบว่า สาขาพืช จะขยายตัวอยู่ในช่วงร้อยละ 6.5 — 7.5 โดยในช่วงครึ่งหลังของปี 2554 คาดว่าสถานการณ์การผลิตสินค้าเกษตรหลายชนิดจะมีทิศทางที่ดีขึ้น ได้แก่ ข้าว อ้อยโรงงาน ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ยางพารา และปาล์มน้ำมัน ในขณะที่การส่งออกมีแนวโน้มดีขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว อย่างไรก็ตาม จากสภาวะภูมิอากาศโลกที่แปรปรวนอาจส่งผลให้ผลผลิตทางการเกษตรทั่วโลกได้รับความเสียหาย ทำให้ผลผลิตไม่พอกับความต้องการบริโภคในแต่ละประเทศ สำหรับ สาขาปศุสัตว์ คาดว่าจะมีการขยายตัวในช่วงร้อยละ 1.3 — 2.3 เมื่อเทียบกับปี 2553 เนื่องจากสถานการณ์การผลิตสินค้าปศุสัตว์ต่างๆ เริ่มเข้าสู่ภาวะปกติในช่วงครึ่งปีหลัง จากที่เคยมีปัญหาโรคระบาดในไก่และสุกร ปัญหาสภาพอากาศร้อน และสถานการณ์น้ำท่วมตั้งแต่ปลายปี 2553 จนถึงช่วงต้นปี 2554 ซึ่งส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของไก่เนื้อและสุกร โดยเกษตรกรได้มีการปรับระบบการเลี้ยงให้ดีขึ้น ซึ่งคาดว่าการผลิตจะสามารถทยอยเข้าสู่ภาวะปกติได้ตั้งแต่ช่วงกลางปี

สาขาประมง มีแนวโน้มหดตัวลงจากปีก่อนอยู่ในช่วงร้อยละ (-3.5) — (-2.5) เนื่องจากสภาพภูมิอากาศแปรปรวนและปัญหาภัยธรรมชาติ รวมถึงปัญหาโรคระบาดในกุ้งเพาะเลี้ยง ส่งผลให้มีผลผลิตประมงออกสู่ตลาดน้อย ด้านการส่งออกสินค้าประมงมีแนวโน้มลดลง เนื่องจากผู้ส่งออกมีความกังวลเรื่องการแข็งค่าของเงินบาท ประกอบกับปริมาณผลผลิตที่ลดลงอาจส่งผลให้อุตสาหกรรมแปรรูปประสบปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบ แม้ว่าความต้องการเพื่อการส่งออกยังมีอยู่ต่อเนื่อง ส่วนสาขาป่าไม้ คาดว่าจะขยายตัวอยู่ในช่วงร้อยละ 1.8 - 2.8 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เนื่องจากการผลิตไม้และของป่าหลายชนิดยังคงมีแนวโน้มสูงขึ้น อีกทั้งความต้องการใช้ไม้ในภาคอุตสาหกรรมมีแนวโน้มสูงขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวโน้มความต้องการใช้ไม้เพื่อการผลิตเฟอร์นิเจอร์ จากการตั้งเป้าหมายให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางตลาดส่งออกเฟอร์นิเจอร์ในเอเชีย และ สาขาบริการทางการเกษตร มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในช่วงร้อยละ 2.9 - 3.9 เมื่อเทียบกับปี 2553 เนื่องจากราคาสินค้าเกษตรส่วนใหญ่ที่อยู่ในเกณฑ์ดี รวมทั้งโครงการประกันรายได้ของเกษตรกร จูงใจให้เกษตรกรขยายการเพาะปลูกอย่างต่อเนื่อง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ