นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการพิจารณามาตรการปกป้อง เปิดเผยว่า คณะกรรมการฯ ได้มีมติเมื่อวันที่ 29 มิ.ย.54 จะใช้มาตรการปกป้องการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น(เซฟการ์ด) กับสินค้าบล็อกแก้วนำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งเข้ามาถล่มสินค้าไทยหลายปีแล้วจนทำให้อุตสาหกรรมบล็อกแก้วในประเทศได้รับความเสียหายจนเกือบเลิกกิจการ โดยคณะกรรมการฯ จะประกาศเรียกเก็บอากรเซฟการ์ดจากประเทศผู้ส่งออกในอัตราสูง เพื่อให้ผู้ส่งออกชะลอการส่งออกมาไทย
"การประกาศใช้มาตรการเซฟการ์ด เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมภายในของไทยในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ไทยบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยมาตรการปกป้องตั้งแต่ปี 42 เป็นต้นมา ซึ่งขณะนี้มีสินค้าไทยหลายรายการที่ถูกต่างประเทศใช้มาตรการเซฟการ์ดด้วยเช่นกัน"นางพรทิวา กล่าว
สำหรับการใช้มาตรการเซฟการ์ด เป็นมาตรการที่ช่วยปกป้องอุตสาหกรรมบล็อกแก้วไทยไม่ให้ล้มละลาย ซึ่งจะมีผลกระทบต่อการจ้างงานและการลงทุนในอุตสาหกรรมบล็อกแก้วและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ ยังจะทำให้ไทยประหยัดเงินตราต่างประเทศจากการนำเข้าสินค้าบล็อกแก้วปีละประมาณ 230 ล้านบาท
ทั้งนี้ มาตรการเซฟการ์ดเป็นมาตรการเยียวยาทางการค้าภายใต้องค์การการค้าโลก(WTO) ที่ประเทศสมาชิกมีสิทธิใช้ได้ภายใต้เงื่อนไขที่ความตกลงกำหนดเพื่อปกป้องอุตสาหกรรมภายในประเทศจากการแข่งขันกับสินค้านำเข้าเป็นการชั่วคราว และเพื่อให้เวลาอุตสาหกรรมภายในประเทศได้ปรับตัว