ค่าเงินยูโรร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (5 ก.ค.) หลังจากมูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของโปรโตเกสลงสู่ "ระดับขยะ" เพราะกังวลว่ารัฐบาลโปรตุเกสจะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายการลดยอดขาดดุลงบประมาณ ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดีดตัวขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยน หลังจากมีรายงานว่ายอดสั่งซื้อของโรงงานอุตสาหกรรมในสหรัฐปรับตัวสูงขึ้นในเดือนพ.ค.
ค่าเงินยูโรร่วงลง 0.84% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.4415 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.4537 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ค่าเงินปอนด์ 1.6057 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6086 ดอลลาร์สหรัฐ (*หมายเหตุ: ที่ต้องเทียบกับระดับของวันศุกร์เพราะตลาดเงินนิวยอร์กปิดทำการในวันจันทร์ที่ 4 ก.ค. เนื่องในวันชาติสหรัฐ)
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น 0.37% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 81.060 เยน จากระดับ 80.760 เยน แต่ร่วงลง 0.87% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.8406 ฟรังค์ จากระดับ 0.8480 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนตัวลง 0.42% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0687 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0732 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ดิ่งลง 0.78% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.8234 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8299 ดอลลาร์สหรัฐ
สกุลเงินยูโรร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ หลังจากที่ทะยานขึ้นติดต่อกัน 5 วันทำการ โดยปัจจัยหลักๆที่ฉุดยูโรร่วงลงเมื่อคืนนี้มาจากข่าวมูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของโปรโตเกสลงสู่ "ระดับขยะ" เพราะกังวลว่ารัฐบาลโปรตุเกสจะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายการลดยอดขาดดุลงบประมาณได้ และอาจทำให้โปรตุเกสเผชิญกับวิกฤตการคลังจนนำไปสู่การผิดนัดชำระหนี้ในวันข้างหน้า
โปรตุเกสยังคงเผชิญทั้งวิกฤตการคลังและการเมือง หลังจากนายกรัฐมนตรีโฮเซ โสคราตีสของโปรตุเกส ประกาศลาออกจากตำแหน่ง ภายหลังจากรัฐสภาโปรตุเกสปฏิเสธมาตรการรัดเข็มขัดของรัฐบาล ขณะที่นักลงทุนกังวลว่า การที่รัฐสภาโปรตุเกสปฏิเสธมาตรการรัดเข็มขัดอาจจะส่งผลให้โปรตุเกสต้องข้อความช่วยเหลือด้านการเงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และสหภาพยุโรป (อียู) เช่นเดียวกับกรีซ
นอกจากนี้ สกุลเงินยูโรยังถูกกดดันหลังจากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) เตือนว่า กรีซอาจจะเข้าข่ายประเทศที่มีการ "ผิดนัดชำระหนี้บางส่วน" หากผู้นำยุโรปโน้มน้าวให้ธนาคารพาณิชย์ของกรีซและประเทศอื่นๆในยุโรปเข้าซื้อพันธบัตรชุดใหม่ของรัฐบาลกรีซเมื่อพันธบัตรชุดเดิมครบกำหนดไถ่ถอน หรือการทำ rollover
ส่วนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนลดความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อของโรงงานอุตสาหกรรมเดือนพ.ค.พุ่งขึ้นเกินคาด 0.8% สู่ระดับ 4.453 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าภาคการผลิตยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ
ทางการสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ รวมถึงดัชนีภาคบริการเดือนมิ.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ตัวเลขสต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนพ.ค. และตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมิ.ย. โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า ตัวเลขจ้างงานเดือนมิ.ย.จะเพิ่มขึ้น 90,000 ราย และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนมิ.ย.จะลดลงสู่ระดับ 9%