(เพิ่มเติม) ม.หอการค้า เผยนักธุรกิจขานรับนโยบาย พท.เขื่อดัน ศก.ไทยปีนี้โตได้ 4-5%

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday July 6, 2011 15:04 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า จากการสำรวจความคิดเห็นของนักธุรกิจต่อนโยบายของพรรคเพื่อไทย ซึ่งจะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล พบว่านักธุรกิจเชื่อว่านโยบายต่างๆ ของพรรคเพื่อไทยจะมีส่วนช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจไทยในปีนี้สามารถขยายตัวได้ 4-5%

ศูนย์พยากรณ์ฯ ได้สำรวจความคิดเห็นของนักธุรกิจและผู้ประกอบการจำนวน 820 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 4-5 กรกฎาคมที่ผ่านมา แบ่งเป็น ภาคการผลิต 45.6% ภาคบริการ 39.4% ภาคการค้า 25.0% ต่อนโยบายของพรรคเพื่อไทย ซึ่งจะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล

ในจำนวนนี้ 43.6% เชื่อว่ารัฐบาลใหม่จะสามารถทำตามนโยบายที่ได้หาเสียงไว้ได้ครึ่งหนึ่ง ขณะที่ส่วนที่เชื่อรัฐบาลจะสามารถทำได้มากกว่าครึ่งหนึ่งมีผู้ตอบ 35% ส่วนที่คิดว่าทำได้ทั้งหมด กับ ทำไม่ได้เลยมีจำนวนเท่ากันคือ อย่างละ 2.2%

นอกจากนี้ ผลสำรวจยังระบุว่านักธุรกิจคาดหวังเสถียรภาพทางการเมืองที่จะเกิดขึ้นหลังการเลือกตั้ง และนโยบายต่างๆ ที่ประกาศไว้จะมีส่วนช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจไทยในปีนี้สามารถขยายตัวได้ 4-5% และประมาณการเศรษฐกิจไทย ปี 2555 จะขยายตัว 5-7%

"นักธุรกิจคาดหวังว่าหลังจาการนี้การเมืองจะมีเสถียรภาพมากขึ้น และคาดหวังว่าจะไม่มีอะไรมาทำให้ขาดเสถียรภาพซึ่งจะมีผลทำให้เศรษฐกิจสะดุด นักธุรกิจคาดหวังให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจดีถึง 9.08 จากคะแนนเต็ม 10 แต่ก็เป็นห่วงเรื่องวินัยทางการคลัง"นายธนวรรธน์ กล่าว

ทั้งนี้ นโยบายที่ภาคธุรกิจเห็นด้วยน้อยคือ เพิ่มค่าแรงงาน 300 บาทต่อวัน บัตรเครดิตเกษตรกร เงินเดือนปริญญาตรี 15,000 บาท และการรับจำนำสินค้าเกษตร โดยมองว่านโยบายเหล่านี้โอกาสประสบความสำเร็จค่อนข้างน้อย โดยให้คะแนนความเห็นด้วยแค่ระดับ 6.3-6.5 คะแนน และคะแนนความสำเร็จระดับ 6-7 จากคะแนนเต็ม 10

ขณะที่นโยบายอื่นๆ เช่น ประกาศสงครามกับยาเสพติดให้หมดภายใน 12 เดือน และนโยบายการปรับปรุงลุ่มน้ำทั้ง 25 ลุ่มน้ำ ดึงน้ำจากประเทศเพื่อนบ้านและเชื่อมแม่น้ำด้วยคลองใหม่เพื่อสร้างระบบกักเก็บแก้ปัญหาภัยแล้ง การทำประตูน้ำ แก้มลิง เพื่อกักเก็บน้ำโขง ได้คะแนนความเห็นด้วยและคะแนนความสำเร็จที่ระดับ 7-8 จากคะแนนเต็ม 10

ส่วนนโยบายอื่นๆ เช่น สร้างรถไฟรางคู่เชื่อมชานเมือง ทำรถไฟความเร็วสูง, ขยายบรอดแบนด์แห่งชาติ 3G, เพิ่มเงินกองทุนหมู่บ้าน 1 ล้านบาท, แจกแท็บเล็ต พีซีให้เด็กนักเรียนทุกคน, ปรับภาษีพลังงานลง มองหาแหล่งพลังงานใหม่ เช่น ไบโอดีเซล น้ำ ลม แสงแดด, พักหนั้ครัวเรือนที่ต่ำกว่า 5 แสนบาท อย่างน้อย 3 ปี นักธุรกิให้คะแนนความเห็นด้วยและระดับคะแนนความสำเร็จแค่ระดับ 7 จากเต็ม 10

อย่างไรก็ตาม แม้นักธุรกิจจะขานรับกับนโยบายบริหารประเทศในภาพรวมของพรรคเพื่อไทยก็ตาม แต่ก็ยังไม่มั่นใจว่าจะประสบความสำเร็จได้ตามที่คาดหวังไว้หรือไม่ โดยแนะให้รัฐบาลชุดใหม่เร่งหารือกับภาคเอกชนอย่างใกล้ชิดก่อนที่จะดำเนินตามนโยบายที่วางไว้หรือไม่ โดยแนะให้รัฐบาลชุดใหม่เร่งเปิดเผยรายละเอียดของแต่ละนโยบายให้ชัดเจนว่าจะมีวิธีดำเนินการอย่างไร ที่สำคัญซึ่งถือเป็น Key Success Factor คือ ต้องหารือกับภาคเอกชน และไตรภาคีอย่างใกล้ชิด ควรใช้กลไกของการประชุมคณะกรรมการร่วม ภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจ (กรอ.)

นอกจากนี้ ผลสำรวจระบุว่า เรื่องที่รัฐบาลใหม่ควรแก้ไขอย่างเร่งด่วน คือ ปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ปัญหาการคอรัปชั่น ปัญหาด้านต้นทุนการผลิตสูง ปัญหาค่าครองชีพ และ การเพิ่มรายได้ของประชาชน

โดยเฉพาะปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ปัญหาคอรัปชั่น และ ปัญหาด้านต้นทุนผลิตสูง ควรจัดทำเป็นวาระแห่งชาติ

นายธนวรรธน์ คาดว่า หากรัฐบาลชุดนี้อยู่ครบวาระ 4 ปี อาจจะต้องใช้เม็ดเงินงบประมาณมากถึง 3-4 ล้านล้านบาทในการขับเคลื่อนตามนโยบายที่ได้หาเสียงไว้กับประชาชน แต่รัฐบาลใหม่อาจไม่จำเป็นต้องกู้เงินทั้งหมดเพื่อขับเคลื่อนนโยบาย และจะไม่ก่อให้เกิดหนี้สาธารณะสูงเกินไป

"เชื่อว่ารัฐบาลคงจะบริหารหนี้สาธารณะได้ ซึ่งที่ดีต้องไม่เกิน 50% จากตอนนี้ 41%"นายธนวรรธน์ กล่าว

ดังนั้น ภาพของทีมเศรษฐกิจ รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจสำคัญๆ เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตร กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงคมนาคม กระทรวงท่องเที่ยวฯ ล้วนจะต้องเป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ตรงกับงาน เป็นที่ยอมรับทั้งในประเทศและต่างประเทศ ไม่ทำให้เกิดความขัดแย้งทางการเมือง มีความซื่อสัตย์สุจริต โดยเฉพาะตำแหน่ง รมว.คลังต้องมีความเข้าใจการเงินการคลังเป็นอย่างดี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ