รัฐปรับแผนจัดหาพลังงานเพิ่ม หลังกำหนดซ่อมท่อส่งก๊าซฯแล้วเสร็จกลาง ส.ค.

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday July 6, 2011 16:08 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายณอคุณ สิทธิพงศ์ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารเชื้อเพลิงได้รับแจ้งจาก บมจ.ปตท.(PTT) ถึงกำหนดเวลาที่ท่อส่งก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยจะกลับมาให้บริการได้ตามปกติช่วงกลางเดือน ส.ค.54 หลังเกิดปัญหาท่อรั่วเมื่อวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ส่งผลให้ ปตท.ต้องปรับแผนการจัดหาพลังงานเพิ่มเติม ทั้งก๊าซธรรมชาติเหลว(LNG) และน้ำมันเตา ให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ขณะเดียวกันในส่วนของ กฟผ.ต้องปรับแผนในการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเช่นกัน ทั้งการซื้อไฟฟ้าจากลาว และผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก รวมทั้งเพิ่มปริมาณการใช้น้ำมันเตาจาก 100 ล้านลิตร เป็น 230 ล้านลิตร

สำหรับ ปตท.จะมีการจัดหา LNG เพิ่มอีก 3 ลำเรือ ปริมาณลำละ 7 หมื่นตัน จากเดิมจะนำเข้า 5 ลำเรือ เพิ่มเป็น 8 ลำเรือ โดยเรือลำที่ 4 จะเข้ามาถึงไทยวันที่ 15 ก.ค.นี้ และลำที่ 5 จะเข้ามาถึงไทยวันที่ 27 ก.ค.นี้ โดย ปตท.ยืนยันว่า ไม่มีปัญหาเรื่องการจัดหา LNG

ส่วน กฟผ. รายงานว่า มีการจัดซื้อไฟฟ้าจากพลังน้ำใน สปป.ลาวเพิ่มขึ้น โดยโรงไฟฟ้าพลังน้ำน้ำเทิน 2 จะเริ่มส่งไฟฟ้าเดือน ก.ค.นี้ เพิ่มจาก 300 ล้านหน่วย เป็น 530 ล้านหน่วย และเดือน ส.ค.เพิ่มจาก 450 ล้านหน่วย เป็น 530 ล้านหน่วย และโรงไฟฟ้าพลังน้ำน้ำงึม 2 เดือน ก.ค. ซื้อไฟฟ้าเพิ่มจาก 220 ล้านหน่วย เป็น 370 ล้านหน่วย นอกจากนี้ยังจะซื้อไฟฟ้าเพิ่มอีก 60 เมกะวัตต์ จากผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็กที่เป็นโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนและถ่านหิน ส่วนโรงไฟฟ้าที่มีแผนจะหยุดซ่อมบำรุงในปลายเดือน ก.ค.นี้ คือโรงไฟฟ้าแม่เมาะ จังหวัดลำปาง หน่วยที่ 10-11 ให้เลื่อนซ่อมบำรุงออกไปเป็นกลางเดือน ส.ค.

สำหรับแผนการจัดส่งน้ำมันเตาให้โรงไฟฟ้าบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา ที่ต้องใช้น้ำมันเตาร้อยละ 0.5 ปตท.จะจัดหาให้ทั้งหมด 65 ล้านลิตร ส่วนโรงไฟฟ้าพระนครใต้ จังหวัดสมุทรปราการ บมจ.บางจากปิโตรเลียม(BCP) จะเริ่มส่งให้ตั้งแต่วันที่ 11 ก.ค.นี้ รวมประมาณ 60 ล้านลิตร โรงไฟฟ้าราชบุรี 2 ล้านลิตรต่อวัน และโรงไฟฟ้ากระบี่ 60 ล้านลิตร

นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ยังให้กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติไปประชุมร่วมกับผู้รับสัมปทานก๊าซฯ ในอ่าวไทย เพื่อปรับแผนการผลิตก๊าซฯ ในอ่าวไทยทั้งหมด ทั้งการหยุดซ่อมบำรุงแหล่ง การลดกำลังการผลิตในบางแหล่ง และการเตรียมการสำหรับการเพิ่มกำลังการผลิตภายหลังจากท่อก๊าซฯ กลับมาส่งก๊าซได้ตามปกติ

ด้านนายทรงภพ พลจันทร์ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กล่าวว่า ท่อส่งก๊าซฯ 3 ท่อหลักในอ่าวไทย เส้นที่ 1 มีความสามารถในการส่งก๊าซฯ สูงสุด 850 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ส่วนท่อเส้นที่ 2 กำลังการจัดส่งสูงสุดอยู่ที่ 1,150 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และท่อเส้นที่ 3 อยู่ที่ 1,350 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน เมื่อท่อก๊าซฯ เส้นที่ 1 หยุดดำเนินการในขณะนี้ก็มีการเปลี่ยนการจัดส่งไปเข้าท่อเส้นที่ 2 และ 3 แทน ทำให้ขณะนี้ความสามารถในการจัดส่งก๊าซฯ ในอ่าวไทย อยู่ที่ประมาณ 2,500 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน เมื่อรวมกับก๊าซฯ ในพม่า ที่มีกำลังการจัดส่งก๊าซฯ อยู่ที่ 1,100 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน จึงเพียงพอต่อความต้องการ

ทั้งนี้ การจัดส่งก๊าซฯ ในอนาคตสามารถที่จะเพิ่มกำลังได้อีก จากปัจจุบันรวมทั้งหมดเกือบ 4,000 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน เป็น 6,000 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และในปี 2555 จะมีกำลังการผลิตใหม่เข้ามาอีก ซึ่งเป็น 2 แหล่งใหญ่แหล่งสุดท้ายในอ่าวไทย คือ แหล่งปลาทอง 2 ของเชฟรอน 330 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และแหล่งบงกชใต้ ของ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม(PTTEP) หรือ ปตท.สผ.อีก 320 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน

แหล่งข่าวกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ประมาณการเดิมที่คาดว่าจะซ่อมท่อก๊าซฯ ได้เสร็จกลางเดือน ก.ค.54 จะต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นประมาณ 1,200 ล้านบาท แต่หลังจากมีการขยายระยะเวลาไปถึงกลางเดือน ส.ค.54 คาดว่า ค่าใช้จ่ายส่วนนี้จะเพิ่มอีกเท่าตัว

โดยนายณอคุณได้ให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(เรคกูเลเตอร์) เร่งดำเนินคดีกับบริษัท ฮุนได เฮฟวี่ อินดัสตรี้ จำกัด ในฐานะผู้รับเหมาโครงการที่ปล่อยให้เกิดความล่าช้าถึง 2 สัปดาห์ เพราะเรคกูเลเตอร์มีหน้าที่ดูแลระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน โดยเรคกูเลเตอร์ พร้อมรับเรื่องไปดำเนินการยื่นฟ้องบริษัทดังกล่าวโดยเร็ว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ