นักวิเคราะห์คาดว่า แนวโน้มการค้าระหว่างประเทศของจีนในเดือนมิถุนายนซบเซา โดยยอดส่งออกยังคงลดลงอย่างต่อเนื่องและการนำเข้าหดตัวจากก่อนหน้านี้
"ภาวะบีบคั้นด้านสินเชื่อกำลังส่งผลกระทบต่อผู้ส่งออกขนาดกลางและขนาดเล็ก ขณะที่การฟื้นตัวอย่างอ่อนแอของสหรัฐและวิกฤตหนี้ยุโรปกำลังส่งผลกระทบในเชิงลบต่อภาคการส่งออก" แบงก์ ออฟ คอมมิวนิเคชั่นส์ระบุในรายงานฉบับล่าสุด
ธนาคารฯคาดการณ์ว่า การขยายตัวของยอดส่งออกในเดือนมิถุนายนจะชะลอตัวมาอยู่ที่ 18.4% ต่อปีจากระดับ 19.4% ในเดือนพฤษภาคม
ทั้งนี้ ยอดนำเข้าของจีนทะยานขึ้น 28.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะที่ 1.441 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนพฤษภาคม แต่ยอดส่งออกชะลอตัวสู่ระดับ 19.4% แตะที่ 1.571 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งร่วงลงอย่างหนักจากที่เพิ่มขึ้น 29.9% ในเดือนเมษายน
หลู่ เจิงเหว่ย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากอินดัสเตรียล แบงก์ กล่าวว่า ยอดนำเข้าของจีนอาจชะลอตัวมาอยู่ที่ระหว่าง 24.4 - 26% เมื่อเทียบเป็นรายปี ขณะที่ยอดส่งออกอาจร่วงลงระหว่าง 15.7 - 17.2% ในเดือนมิถุนายน
การขนส่งสินแร่โลหะเงียบเหงาเมื่อเดือนที่แล้ว ขณะที่ราคาสินแร่เหล็กปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสถานการณ์ทั้งสองนี้บ่งชี้ถึงอุปสงค์ในประเทศที่อ่อนแอ
แบงก์ ออฟ คอมมิวนิเคชั่นส์ ยังมีมุมมองในแง่ลบต่อแนวโน้มการค้าระหว่างประเทศในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐอาจยังคงชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง ขณะวิกฤตหนี้ยุโรปจะไม่ได้รับการแก้ไขในระยะสั้น หรืออาจเลวร้ายลงในอนาคต ซึ่งปัจจัยดังกล่าวอาจฉุดรั้งอุปสงค์จากต่างประเทศ
การพุ่งขึ้นของต้นทุนแรงงานและภาวะขาดสภาพคล่องจะสร้างความเสียหายต่อกลุ่มผู้ส่งออกของจีนด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ สำนักงานสถิติจีนมีกำหนดเปิดเผยยอดนำเข้าและส่งออกประจำเดือนมิถุนายน ในวันอาทิตย์นี้