นายณรงค์ชัย อัครเศรณี คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) กล่าวในงานสัมมนาหัวข้อ "การเตรียมความพร้อมเพื่อก้าวสู่การลงทุนใน AEC" ว่า ขณะนี้หลายประเทศในกลุ่มอาเซียนได้คลายความวิตกกังวลเรื่องปัญหาการเมืองในประเทศไทย หลังการเลือกตั้งผ่านพ้นไปได้ด้วยดี โดยพรรคเพื่อไทยสามารถชนะการเลือกตั้งและเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งเชื่อว่าการเข้ามาเป็นรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยจะช่วยฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างไทยและกัมพูชาได้ หลังจากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศย่ำแย่
ทั้งนี้ เมื่อความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศกลับมาเป็นปกติ ก็เชื่อว่าจะช่วยสนับสนุนแผนการร่วมกลุ่มเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ที่จะเกิดขึ้นในปี 2558 สามารถเดินหน้าต่อไปได้ หลังจากที่ผ่านมาแผนการต่างๆ ได้ชะลอออกไป
"การเข้ามาของพรรคเพื่อไทยก็คงทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาดีขึ้น แนวทางก็ควรที่จะแสดงไมตรีจิตระหว่างกัน ไม่ควรมาด่ากล่าวกันไปมาซึ่งจะทำให้เกิดความไม่พอใจ เชื่อว่าเมื่อความสัมพันธ์ดีขึ้นแล้วแผนการร่วมกลุ่มเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนคงเดินหน้าต่อได้ ทางอินโดนีเซียในฐานะประธานอาเซียน เขาก็จะได้สบายใจเช่นกัน" นายณรงค์ชัย กล่าว
นายณรงค์ชัย กล่าวว่า ผู้ประกอบไทยต้องเตรียมความพร้อมเพื่อก้าวสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 ทั้งในด้านทักษะการบริหารจัดการโลจิสติกส์ ทักษะด้านภาษา ข้อมูลกฎหมายต่างๆ ฯลฯ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องในส่วนของภาครัฐและเอกชนจะต้องเร่งสร้างความรู้และความเข้าใจเพื่อพัฒนาผู้ประกอบการที่ต้องการจะออกไปลงทุนในต่างประเทศ เพื่อให้ผู้ประกอบการได้ทราบถึงข้อมูลต่างๆ และก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของโลก
โดยแผนการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยออกไปลงทุนในต่างประเทศ ถือเป็นนโยบายหนึ่งที่อยู่ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 11 ที่ สศช.จะประกาศในวันนี้ ซึ่งแผนพัฒนาฉบับนี้จะมุ่งเน้นการพัฒนาการเข้าไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านทั้งด้านอุตสาหกรรม การเกษตรและการแปรรูปการเกษตร และการท่องเที่ยว ซึ่งปัจจุบันหลายหน่วยงานได้สนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยออกไปลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น หลังการลงทุนในประเทศโดยเฉพาะอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ๆเกิดได้ยากขึ้น เนื่องจากติดปัญหาเรื่องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และมักมีการออกมาคัดค้านจากประชาชนในท้องถิ่น
"ปัจจุบันแบงก์ชาติก็กำลังวิตกกังวลเรื่องทุนสำรองในประเทศที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก เนื่องจากมีความเสี่ยงเพราะว่าค่าเงินดอลลาร์มีแนวโน้มอ่อนค่าลง ถือไว้เยอะก็ขาดทุน จึงอยากให้เอกชนออกไปลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น แต่ตัวผุ้ประกอบการเองก็ต้องศึกษาให้ดี ซึ่งตลาดเอเชียในปัจจุบันถือว่าน่าสนใจมาก การมีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนก็ยิ่งช่วยสนับสนุน" นายณรงค์ชัย กล่าว
ขณะที่ความคืบหน้าในการรวมตัวเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในส่วนของสินค้าก็สามารถขนส่งข้ามเขตกันได้เกือบ 100% แล้ว ส่วนภาคบริการก็ทยอยเปิดเป็นรายกลุ่มเช่น ท่องเที่ยว และโลจิสติกส์ เป็นต้น สำหรับเรื่องการเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาท/วัน ตามนโยบายของพรรคเพื่อไทยนั้น มองว่ายังไม่สามารถตัดสินได้ว่าจะกระทบต่อภาคธุรกิจอย่างไรบ้าง ซึ่งต้องรอติดตามต่อไป
"เรื่องการเพิ่มค่าแรงจะทำให้ไทยเสียเปรียบคนอื่นไหม อันนี้ทางภาคธุรกิจจะเป็นคนตัวสินใจเอง ถ้าค่าแรงสูง แต่แรงงานมีฝีมือก็คงไม่มีปัญหา แต่ถ้าค่าแรงเพิ่ม แต่ได้งานที่ไม่ดีก็คงมีปัญหาตามมา" นายณรงค์ชัย กล่าว