สกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (7 ก.ค.) หลังจากธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อวานนี้ นอกจากนี้ นักลงทุนยังคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ยุโรป หลังจากนายฌอง-คล็อด ทริเชต์ ประธานอีซีบียืนยันว่าจะยังคงจัดหาสภาพคล่องให้กับโปรตุเกส ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนเพราะได้แรงหนุนจากจำนวนคนว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐที่ปรับตัวลดลงเกินคาด
ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้น 0.26% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.4353 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพุธที่ 1.4316 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนตัวลง 0.20% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.5965 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5997 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น 0.33% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 81.190 เยน จากระดับ 80.920 เยน และพุ่งขึ้น 0.61% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.8441 ฟรังค์ จากระดับ 0.8390 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.70% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0770 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0695 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.70% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.8326 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8268 ดอลลาร์สหรัฐ
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของอีซีบีมีมติขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 1.50% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นการขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ในปีนี้ โดยมีเป้าหมายเพื่อควบคุมเงินเฟ้อในกลุ่มประเทศที่ใช้เงินยูโร 17 ประเทศ
การขึ้นดอกเบี้ยของอีซีบีช่วยหนุนสกุลเงินยูโรฟื้นตัวขึ้น หลังจากที่ยูโรร่วงลงอย่างหนักในช่วง 2 วันก่อนหน้านี้ อันเป็นผลมาจากข่าวมูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวของโปรตุเกสลง 4 ขั้น สู่ระดับ Ba2 หรือ "ระดับขยะ" จากระดับ Baa1 เพราะกังวลว่าโปรตุเกสอาจจะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายการลดยอดขาดดุลงบประมาณ
อย่างไรก็ตาม นายทริเชต์ยืนยันภายหลังการประชุมเมื่อวานนี้ว่า อีซีบีจะยังคงจัดหาสภาพคล่องให้กับโปรตุเกส และย้ำว่าอีซีบียังคงยอมรับพันธบัตรของรัฐบาลกรีซเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันเงินกู้ที่ปล่อยให้กับธนาคารพาณิชย์ ตราบใดที่บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือไม่ได้ชี้ชัดว่ากรีซเป็นประเทศที่ผิดนัดชำระหนี้
ส่วนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐได้แรงหนุนจากข้อมูลด้านแรงงานที่ฟื้นตัวของสหรัฐ โดยภาคเอกชนทั่วสหรัฐมีการจ้างงานในเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 157,000 ตำแหน่ง มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 68,000 ตำแหน่ง และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 2 ก.ค.ร่วงลง 14,000 ราย สู่ระดับ 418,000 ราย ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 420,000 ราย
ค่าเงินปอนด์อ่อนตัวลงหลังจากธนาคารกลางอังกฤษมีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.5% ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นการคงอัตราดอกเบี้ยเป็นเดือนที่ 28 ติดต่อกัน แม้ว่าจะมีความวิตกกังวลเพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับตัวเลขเงินเฟ้อก็ตาม โดยปัจจุบันอัตราเงินเฟ้อของอังกฤษสูงกว่าระดับเป้าหมายที่ 2% ของรัฐบาลถึงกว่าสองเท่า
ทางการสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในคืนนี้ตามเวลาไทย รวมถึงตัวเลขสต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนพ.ค. และตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมิ.ย. โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า ตัวเลขจ้างงานเดือนมิ.ย.จะเพิ่มขึ้น 90,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนมิ.ย.จะลดลงสู่ระดับ 9%