กระทรวงการคลังของญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของญี่ปุ่นในเดือนพฤษภาคมร่วงลง 51.7% จากปีก่อนหน้านี้ แตะที่ 5.907 แสนล้านเยน (7.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งร่วงลงน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ และเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นอาจจะเอาตัวรอดจากภาวะการทรุดตัวอย่างหนักของยอดส่งออกที่เป็นผลมาจากภาวะชะงันด้านการผลิต หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่
นายมาซาอากิ ชิรากาว่า ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) กล่าวในสัปดาห์นี้ว่า เศรษฐกิจส่งสัญญาณการฟื้นตัวหลังรายงานของบีโอเจระบุว่า บรรดาผู้ผลิตต่างคาดการณ์ถึงผลกำไรที่ดีดตัวขึ้นในปีนี้ ขณะที่ดัชนีนิกเกอิพุ่งขึ้น 3% ในสัปดาห์นี้ท่ามกลางมุมมองในแง่บวกเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลก
รายงานผลสำรวจความเชื่อมั่นทางธุรกิจของกลุ่มผู้ผลิตรายใหญ่ของญี่ปุ่น (ทังกัน) เมื่อสัปดาห์ที่แล้วระบุว่า บรรดาผู้ผลิตคาดการณ์ว่า ผลกำไรจะพุ่งขึ้น 21% ในรอบ 6 เดือนที่สิ้นสุด ณ เดือนมีนาคม 2555 และพวกเขามีแผนจ้างพนักงานเพิ่มมากขึ้นในปีนี้
ทั้งนี้ เหตุแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนมีนาคมได้ส่งผลกระทบผู้ผลิตหลายราย และผู้ผลิตเหล่านี้ยังต้องเผชิญกับภาวะขาดแคลนชิ้นส่วนการผลิตและขาดแคลนไฟฟ้าสำหรับเดินเครื่องการผลิต อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อการส่งออกที่ขับเคลื่อนการขยายตัวของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดอันดับ 3 ของโลก