ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินเยนและฟรังค์ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (8 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า อัตราว่างงานเดือนมิ.ย.พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน ขณะที่ค่าเงินยูโรร่วงลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ เนื่องจากความวิตกที่ว่า อิตาลีอาจเป็นอีกประเทศหนึ่งในยุโรปที่เผชิญกับปัญหาหนี้สาธารณะ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.74% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 80.620 เยน จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 81.220 เยน และดิ่งลง 0.86% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.8369 ฟรังค์ จากระดับ 0.8442 ฟรังค์
ค่าเงินยูโรร่วงลง 0.79% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.4245 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.4359 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ดีดตัวขึ้น 0.44% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.6040 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5970 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.20% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0754 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0776 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์แข็งค่าขึ้น 0.36% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.8364 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8334 ดอลลาร์สหรัฐ
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงทันทีที่ทางการสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนมิ.ย.ปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียง 18,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นน้อยที่สุดในรอบ 9 เดือน และยังเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะพุ่งขึ้น 90,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราว่างงานเดือนมิ.ย.ปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 9.2% จากเดือนพ.ค.ที่ระดับ 9.1% โดยอัตราว่างงานเดือนมิ.ย.อยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 9%
ตัวเลขจ้างงานเดือนมิ.ย.ที่เพิ่มขึ้นน้อยเกินคาดสะท้อนให้เห็นว่าตลาดแรงงานสหรัฐยังฟื้นตัวไม่มากพอที่จะหนุนเศรษฐกิจให้ขยายตัวอย่างแข็งแกร่งได้ โดยในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐขยายตัวเพียง 1.8% น้อยกว่าไตรมาสสี่ปีที่แล้วที่สามารถขยายตัวได้ถึง 3.1%
ค่าเงินยูโรร่วงลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากกระแสความกังวลที่ว่า อิตาลีอาจเป็นประเทศต่อไปที่จะเผชิญกับปัญหาหนี้ หลังจากรายงานการสำรวจของมาร์กิต อิโคโนมิคระบุว่า นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่วิตกกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งภายในแนวร่วมรัฐบาลฝ่ายกลางและขวาของอิตาลี และมีความเสี่ยงมากขึ้นที่อิตาลีจะเผชิญกับการถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ
มูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศทบทวนอันดับความน่าเชื่อว่าตราสารหนี้ระยะยาวและเงินฝากของธนาคารเอกชน 16 แห่งของอิตาลี ในช่วงปลายเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นไม่นานหลังจากมูดีส์ประกาศทบทวนแนวโน้มความน่าเชื่อถือของประเทศอิตาลี โดยเตือนว่ามีความเป็นไปได้ที่มูดีส์จะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของอิตาลีซึ่งปัจจุบันยืนอยู่ที่ระดับ Aa2 หลังจากเศรษฐกิจอิตาลีขยายตัวเพียงเล็กน้อย ในขณะที่ตัวเลขหนี้สาธารณะมีอยู่สูงถึง 120% ของตัวเลขจีดีพี ซึ่งเป็นสัดส่วนสูงสุดเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆในยุโรป
นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ของอิตาลีมากขึ้นเมื่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรของรัฐบาลอิตาลีพุ่งขึ้น และตลาดหุ้นอิตาลีทรุดฮวบลงถึง 3.5% โดยหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มการเงินถูกกระหน่ำขายหนักสุด
นักวิเคราะห์ในตลาดเงินนิวยอร์กกล่าวว่า หากสถาบันการเงินอิตาลีถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือ ก็อาจจะทำให้สถาบันการเงินของกรีซ ไอร์แลนด์ และโปรตุเกส ถูกลดความน่าเชื่อถือในเวลาต่อมา ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าวิกฤตหนี้ยุโรปกำลังลุกลามเข้าไปสร้างความเสียหายต่อภาคธนาคารของยุโรป