BOI เผย H1/54 มีมูลค่าลงทุน 2.47 แสนลบ.จากเป้าหมายทั้งปี 4 แสนลบ.

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday July 12, 2011 10:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) เผยสถิติการขอรับส่งเสริมการลงทุนในช่วง 6 เดือนแรกปี 54(ม.ค.-มิ.ย.) มีมูลค่ารวม 247,100 ล้านบาท สูงเกิน 50% ของเป้าหมายทั้งปีที่คาดการณ์ไว้ที่ 400,000 ล้านบาท ขณะที่การลงทุนตรงจากต่างประเทศ(เอฟดีไอ) ขยายตัวต่อเนื่อง โดยนักธุรกิจจากญี่ปุ่นยังครองแชมป์ลงทุนสูงสุด

"ภาวะการลงทุนในช่วงครึ่งปีแรก นักลงทุนได้ยื่นขอรับส่งเสริมการเพิ่มขึ้นทั้งจำนวนโครงการและมูลค่าเงินลงทุน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน" นางอรรชกา สีบุญเรือง เลขาธิการบีโอไอ กล่าว

โดยมีการยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนแล้วทั้งสิ้น 882 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 247,100 ล้านบาท จำนวนโครงการปรับเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีจำนวน 616 โครงการ หรือเพิ่มขึ้น 43.2% ขณะที่มูลค่าเงินลงทุนปรับเพิ่มขึ้น 33.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีมูลค่าอยู่ที่ 185,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นมูลค่าเงินลงทุนเกินครึ่งจากเป้าหมายการขอรับส่งเสริมการลงทุนปีนี้ที่ตั้งเป้าไว้ 400,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ การยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนมีทิศทางขยายตัวในอัตราสูงมาตั้งแต่ช่วงต้นปี โดยเฉพาะการยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนในเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมาเพียงเดือนเดียว มีสัดส่วนจำนวนโครงการสูงที่สุดเมื่อเทียบกับช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา โดยมีจำนวนทั้งสิ้น 180 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 43,600 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการเข้ามาลงทุนของกลุ่มลงทุนรายใหญ่ รวมถึงโครงการขยายกำลังการผลิตของผู้ประกอบการจำนวนมาก

สำหรับโครงการที่ยื่นขอรับการส่งเสริมในช่วงครึ่งปีแรกกระจายอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักรและอุปกรณ์ขนส่ง มีโครงการลงทุนสูงสุดอยู่ที่ 226 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 77,000 ล้านบาท รองมาเป็นกิจการในกลุ่มบริการและสาธารณูปโภค จำนวน 180 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 46,300 ล้านบาท, กิจการเคมี กระดาษ และพลาสติก 126 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 41,300 ล้านบาท, กิจการอิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องไฟฟ้า 130 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 35,400 ล้านบาท, กิจการ เกษตรกรรม และผลิตผลจากการเกษตร 129 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 25,700 ล้านบาท ตามลำดับ

เลขาธิการบีโอไอ กล่าวว่า สำหรับตัวเลขเอฟดีไอในช่วงครึ่งปีแรกมีทั้งสิ้น 522 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 167,274 ล้านบาท โดยจำนวนโครงการเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มี 375 โครงการหรือเพิ่มขึ้น 39% ขณะที่เงินลงทุนเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีมูลค่า 98,332 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 70%

โดยการลงทุนจากต่างประเทศในไทย กลุ่มใหญ่ที่สุดเป็นการลงทุนจากประเทศต่างๆ ในเอเซีย โดยมีกลุ่มทุนจากญี่ปุ่นเป็นกลุ่มที่เข้ามาลงทุนในไทยสูงสุดจำนวน 272 โครงการ เงินลงทุน 72,244 ล้านบาท โครงการเพิ่มขึ้น 80%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มี 151 โครงการ ด้านมูลค่าเงินลงทุนเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีมูลค่าลงทุนอยู่ที่ 38,638 ล้านบาท หรือปรับเพิ่มขึ้น 87%

ทั้งนี้ กลุ่มที่มีอัตราการขยายตัวทางด้านมูลค่าเงินลงทุนเพิ่มขึ้นมากที่สุด ได้แก่ การลงทุนจากเกาหลีใต้ มีจำนวนทั้งสิ้น 21 โครงการ เงินลงทุน 6,137 ล้านบาท จำนวนโครงการใกล้เคียงกับปีก่อน ขณะที่เงินลงทุนเพิ่มขึ้นถึง 510% หรือประมาณ 5 เท่า จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีมูลค่าเงินลงทุนอยู่ที่ 1,006 ล้านบาท

การลงทุนจากฮ่องกงมีจำนวน 13 โครงการเงินลงทุน 10,399 ล้านบาท มูลค่าเงินลงทุนเพิ่มขึ้น 285% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีมูลค่า 2,702 ล้านบาท, การลงทุนจากประเทศจีนมี 18 โครงการ เงินลงทุน 23,155 ล้านบาท มูลค่าเงินลงทุนเพิ่มขึ้น จากช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มี 6,980 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 232%, การลงทุนจากสิงคโปร์มีทั้งสิ้น 31 โครงการ เงินลงทุน 16,661 ล้านบาท เงินลงทุนเพิ่มขึ้น จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มี 8,299 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 101%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ