เศรษฐกิจจีนกำลังส่งสัญญาณให้เห็นถึงการขยายตัวในอัตราที่ชะลอตัวลง หลังจากที่มีการเปลี่ยนแปลงต่างๆเกิดขึ้นในโครงสร้างเงินกู้
ข้อมูลจากธนาคารกลางจีนระบุว่า ยอดการปล่อยเงินกู้ใหม่สกุลเงินหยวนในเดือนมิ.ย. อยู่ที่ 6.339 แสนล้านหยวน ซึ่ง 33.9% ในจำนวนนี้เป็นเงินกู้ระยะกลางและระยะยาว ขณะที่อีก 60% เป็นเงินกู้ระยะสั้น ซึ่งมีจำนวนอยู่ที่ 3.898 แสนล้านหยวน เพิ่มขึ้น 1.60 แสนล้านหยวน จากเดือนพ.ค. โดยสินเชื่อปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเวลา 3 เดือน
เอ้อ หยงเจียน นักวิจัยของแบงก์ ออฟ คอมมิวนิเคชั่นส์ กล่าวว่า ตัวเลขเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่า บริษัทต่างๆได้กู้ยืมเงินมาเพื่อแก้ปัญหาสภาพคล่องระยะสั้นแทนที่จะลงทุนในระยะยาว ซึ่งบ่งชี้ว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจกำลังชะลอตัว
สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนเปิดเผยในวันนี้ว่า เศรษฐกิจจีนขยายตัว 9.5% เมื่อเทียบเป็นรายปีในไตรมาส 2 ของปีนี้ ซึ่งลดลงจากระดับการขยายตัวในไตรมาส 1 ที่ 9.7%
อย่างไรก็ดี ตัวเลขที่ชะลอตัวลงนี้ น้อยกว่าที่ตลาดได้คาดการณ์ไว้
เฉิง ไหล่หยุน โฆษกสำนักงานสถิติฯกล่าวว่า จีนไม่มีแนวโน้มว่าจะได้รับผลกระทบจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงอย่างรวดเร็ว
การขยายตัวของเศรษฐกิจจีนจะยังคงชะลอตัวต่อไปในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ โดยสภาพคล่องที่มีอยู่มาก และราคาเนื้อหมูที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จะทำให้จีนยังคงเผชิญกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้ออย่างมาก
นายกรัฐมนตรีเหวิน เจียเป่า ของจีนได้ย้ำในแถลงการณ์ที่เผยแพร่เมื่อวานนี้ว่า การดูแลราคาให้มีเสถียรภาพยังคงเป็นภารกิจหลักสำหรับนโยบายกำกับดูแลเศรษฐกิจมหภาคของรัฐบาล พร้อมกับเสริมว่าจีนควรจะใช้นโยบายการเงินแบบระมัดระวังต่อไป
นายเหวินกล่าวว่า รัฐบาลจำเป็นต้องชะลอความร้องแรงของราคาผู้บริโภค ขณะเดียวกันก็ป้องกันไม่ให้การขยายตัวของเศรษฐกิจประเทศมีความผันผวนสูง
แบงก์ ออฟ คอมมิวนิเคชั่นส์ คาดการณ์ว่า จีนจะยังคงใช้นโยบายการเงินแบบระมัดระวังต่อไปในช่วงครึ่งปีหลังนี้ แต่จังหวะและระดับของการคุมเข้มการเงินจะผ่อนคลายลง สำนักข่าวซินหัวรายงาน